กดจุดแบบเต๋า เพิ่มพลังความเสียว



ทราบกันไหมครับว่าการกดจุดแบบเต๋านั้นสามารถช่วยเพิ่มพูนความต้องการของฝ่ายหญิงได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งกว่าการลุยดะฉะแหลกเป็นไหนๆ ลองมาดูกันครับว่าเคล็ดลับการกดจุดเพิ่มอารมณ์นั้นทำกันเช่นไร

ขั้นต้น จงสัมผัสเล้าโลมทั้งเรือนร่าง มิใช่จู่โจมโหมทะยานเข้าสู่จุดสำคัญของสาวเจ้าในทันทีทันใด อาจเริ่มจากบีบนวดที่มือและข้อมือทั้งสองข้าง แล้วลงไปที่เท้าและส้นเท้า จากนั้นย้อนกลับมาบีบเฟ้นที่แขน ไหล่ และทรวงอก กลับไปที่ขาและต้นขาทั้งสอง ขึ้นมาที่ท้องน้อยและเอว

จุดนวดเฟ้นต่างๆ เหล่านี้ ตำราเต๋ากล่าวว่า เป็นจุดที่อ่อนไหวที่สุด ซึ่งหากได้รับการกระตุ้น พลังงานแห่งความรักจะไหลเวียนไปทั่วร่าง และเกิดความต้องการล้นปรี่ แก้ปัญหาช่องประตูสวรรค์ของหญิงสาวที่ไม่ค่อยมีน้ำหล่อลื่น ทำให้หนุ่มๆ เร่งลีลาโลดโผน พลิ้วไหว ได้ดีกว่าเส้นทางรักที่ฝืดและฝืน

จุดสำคัญอีกบางจุด ที่หนุ่มๆ พึงสัมผัสด้วยการกดนิ้วหนัก คือบริเวณน่อง สูงจากส้นเท้าขึ้นมาประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งเป็น จุดเร้าพลังงานทางเพศโดยเฉพาะ รวมไปถึงบริเวณแผ่นหลังด้านล่าง กระเบนเหน็บ ท้องแขนด้านใน และขาอ่อนด้านใน


ขอขอบคุณ Sanook
 

เล้าโลม เสียเวลาแต่ได้ผล



ประโยคที่เรามักได้ยินกันจนชินหูคือ ‘ระหว่างทาง' สำคัญกว่า ‘จุดหมายปลายทาง' และหากเทียบเคียง ‘การร่วมรัก' กับประโยคดังกล่าว อาจจะตรงกับสิ่งที่ว่า ในการมีเซ็กซ์นั้นแทนที่หนุ่มๆ จะพุ่งเป้าไปที่การเผด็จศึกฝ่ายหญิงอย่างไม่ลืมหูลืมตา สิ่งสำคัญที่คุณๆ หลงลืมไปคือการเล้าโลม แน่นอนครับว่าธรรมชาติของผู้หญิง กว่าพวกเธอจะจุดไฟติดต้องใช้เวลานานกว่าผู้ชาย อาจจะไม่กี่นาทีหรือลากยาวไปเป็นชั่วโมงก็ได้ ที่สำคัญ การเล้าโลมยังช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเก็บเกี่ยวความสุขทางเพศได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย อาจจะใช้เวลาในการเล้าโลมไปมากหน่อยก็เถอะ แต่รับรองว่า ความหฤหรรษ์ที่ได้รับกลับคืนมามันคุ้มค่ากว่าแน่นอน

มาดูกันว่าหนุ่มๆ จะเปิดฉากเล้าโลมสาวๆ ได้อย่างไรกันบ้าง อย่างแรกเห็นจะเป็นการเล่น ‘ชิวหาพาเพลิน' คุณมีหน้าที่บดขยี้ริมฝีปากของเธอ ตามด้วยการใช้ลิ้นสำรวจทุกซอกทุกมุม เสร็จสรรพก็ถึงเวลาดื่ม ‘นม' ปทุมถันของผู้หญิงช่างมีเสน่ห์ดึงดูดเสียจริงครับ แต่ก่อนที่จะขึ้นไปถึงจุดยอดตรงหน้าอก คุณควรใช้ปากหรือมือสร้างความสุขให้กับเธอโดยการสัมผัสรอบๆ เนินเสียก่อน เพิ่มความแรง (ในการนวดคลึงหรือเลีย!) อีกนิดถ้าเห็นว่าเธอมีความสุขกับกิจกรรมนี้ แล้วค่อยเล่นกับส่วนยอดของหน้าอกเป็นการปิดฉากความกระสัน หากเครื่องของเธอยังไม่ติด บริเวณส่วนหลังด้านล่างของผู้หญิง เป็นจุดต่อไปที่คุณควรจู่โจม-โดยการใช้มือนวดคลึงไปที่บริเวณนั้น ขั้นตอนนี้อาจทำให้อารมณ์รักของฝ่ายหญิงพุ่งปรี๊ดขึ้นมาก็ได้ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นจุดรวมของเส้นปลายประสาทหลายเส้น แต่ถ้ายังไม่ได้ผล ‘ไม้ตาย' ในการวอร์มเครื่องก่อนเปิดฉากรักคือการสัมผัสที่จุดจีสปอตและปุ่มคลิตอริสที่อยู่ตรงบริเวณของสงวนของเธอ เท่านี้ก็เป็นอันว่า เครื่องของคุณและคู่รักก็พร้อมจะสตาร์ทไปได้พร้อมๆ กันแล้วครับ


ขอขอบคุณ GMLIVE
 

Exercise @ Home ออกกำลังกายง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน



ก่อนและหลังการออกกำลังกาย เราจะวอร์มกล้ามเนื้อ และป้องกันอาการบาดเจ็บ ส่วนสำคัญที่ลืมไม่ได้คือ ระหว่างการออกกำลังกาย ควรมีการหยุดพัก และเรามีที่พักยืดกล้ามเนื้อระหว่างการออกกำลังกายมาให้ดูกัน  รวมถึงท่าออกกำลังกายแสนง่าย เพื่อช่วยกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้อง ด้วยการเกร็งกล้ามเนื้อ ต่อด้วยท่ายกเวทกระชับแขนและหัวไหล่...เอาหล่ะ วอร์มกล้ามเนื้อ แล้วลุย!!!


ท่าการพักยืดกล้ามเนื้อและการกระชับกล้ามเนื้อท้องด้วยการเกร็ง 





ท่ายกเวทกระชับกล้ามเนื้อแขนและหัวไหล่





ขอขอบคุณ Sanook
 

พุงยื่น! สัญญาณอันตรายของชายหนุ่ม Belly Off !



เรื่อง : บ๊อบบี้

ขึ้นชื่อว่า ‘อ้วน' ก็ไม่ได้ส่งผลลบเสมอไป ช่วงนี้หลายคนที่น้ำหนักเพิ่มเพราะไม่ออกกำลังกาย หาความชอบธรรมด้วยการหยิบตัวอย่างรูปร่างของ PSY เจ้าของเพลงและท่าเต้นกังนัมสไตล์ ที่กวาดรายได้เข้ากระเป๋ากว่า 10 ล้านเหรียญ และมากขึ้นเรื่อยๆ มาอ้าง

ความอ้วนไม่มีปัญหาแน่ครับ ถ้ารูปร่างของเรายังสมส่วนอยู่ แต่ถ้าเป็น ‘อ้วนแบบลงพุง' ก็คงต้องกลับมาพิจารณาตัวเองบ้างว่าถึงขั้นฉุกเฉินหรือยัง เพราะยิ่งพุงยื่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงตายเท่านั้น ตามคำแนะนำของแพทย์หญิงชนันภรณ์ วิพุธศิริ อายุรแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึ่ม โรงพยาบาลกรุงเทพ

กติกา ‘อ้วนแบบลงพุง'

คนที่อ้วนลงพุงนั้นเกิดจากการมีไขมันสะสมในช่องท้องปริมาณมากกว่าคนปกติ ยิ่งมีเส้นรอบเอวมากเท่าไหร่ ไขมันยิ่งสะสมในช่องท้องมากเท่านั้น และไขมันที่สะสมนี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ มีผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี เกิดเป็น ‘ภาวะโรคอ้วนลงพุง' ต้นเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น น้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ปวดตามข้อ ไขมันเกาะตับ

โดยรอบเอวมากกว่าหรือเท่ากับ 90 เซนติเมตรในชาย และรอบเอวมากกว่าหรือเท่ากับ 80 เซนติเมตรในหญิงเอเชีย บวกกับอีก 2 ใน 4 ข้อต่อไปนี้เป็นสัญญาณที่ต้องระวังอย่างจริงจัง และจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วนลงพุง ควรจะมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร เพิ่มการออกกำลังกายและลดน้ำหนักลงอย่างน้อยร้อยละ 7 จากน้ำหนักตัวเดิม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานในอนาคต เพื่อตัวคุณทั้งนั้น !

สาเหตุของการเป็นโรคอ้วน แพทย์หญิงชนันภรณ์บอกว่าเกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่ โรคอ้วนที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือยีนบางชนิดที่ผิดปกติ หรือจากพฤติกรรมการกิน เช่น การกินอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีกากอาหารต่ำ ฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม และพฤติกรรมการออกกำลังกายที่น้อยลง ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุก็มาจากโรค เช่น ไทรอยด์ทำงานต่ำ การรับยาสมุนไพรที่มีส่วนประกอบของสารสเตียรอยด์บ่อยๆ โรคที่ฮอร์โมนการเจริญเติบโตทำงานต่ำ และโดยทั่วไปจะพบว่าส่วนใหญ่ผู้หญิงจะอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย และอายุที่อ้วนมากที่สุดจะอยู่ในระหว่างช่วง 45-49 ปี

พนักงานออฟฟิศต้องระวัง

ผู้ที่นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศเป็นเวลานานๆ ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย หรือใช้พลังงานมากก็ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานต่ำ อ้วนลงพุงได้ง่าย มีไขมันสะสมมากกว่าคนปกติ นอกจากนี้การชี้วัดความอ้วนจะดูที่ดัชนีมวลกาย มาตรฐานของคนเอเชียที่มีน้ำหนักเกินจะมีดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 23 กิโลกรัมต่อตารางเมตร และมากกว่าหรือเท่ากับ 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร สำหรับโรคอ้วน ในปัจจุบันยังสามารถใช้วิธีเจาะเลือดตรวจไขมัน และใช้เครื่องมือทันสมัยอย่างเครื่อง Bioelectrical Impedance Analysis เข้ามาช่วย

และที่บอกว่าเสี่ยงอันตรายถึงตาย เป็นเพราะหากคนเรามีไขมันสะสมในช่องท้องมากนั้นจะส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ตับมีการสร้างน้ำตาลกลูโคสเพิ่มมากขึ้น เบต้าเซลล์ของตับอ่อนถูกทำลาย และระดับน้ำตาลในเลือดสูงตามมา นำไปสู่การเป็นโรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดผลึกไขมัน นำไปสู่การเกิดหลอดเลือดอุดตัน เสี่ยงต่อโรคอัมพฤกษ์อัมพาต


ขอขอบคุณ Sanook
 

Wifi อันตรายที่ผู้ชายพึงระวัง



Fertility and Sterility เจอร์นัลตีพิมพ์ผลการวิจัยของกลุ่มนักวิจัยในอาร์เจนติน่าซึ่งได้ทำการทดสอบทฤษฎีนี้ด้วยการนำอสุจิที่สมบูรณ์แข็งแรงมาวางไว้ใกล้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปที่กำลังดาวน์โหลดข้อมูลอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป 4 ชั่วโมง จึงพบว่า ¼ ของอสุจิหยุดว่าย โดยเมื่อเปรียบเทียบกับอสุจิที่นำไปวางไว้ห่างจากคอมพิวเตอร์แล้ว มีเพียงร้อยละ 14 เท่านั้นที่หยุดว่าย นอกจากนี้ก็ยังเกิดความเสียหายขึ้นกับดีเอ็นเอของอสุจิที่วางไว้ใกล้กับคอมพิวเตอร์ ร้อยละ 9 อีกด้วย นับว่ามากกว่าปริมาณของอสุจิอีกกลุ่มถึงสามเท่า


นักวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่า ตัวการที่ทำให้เกิดความเสียหายต่ออสุจิก็คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากอินเทอร์เน็ตไร้สายนั่นเอง อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ได้สรุปผลการทดลองนี้ว่าเป็นผลลัพธ์สิ้นสุด และจะต้องมีการทำการวิจัยเพิ่มเติมต่อไปอีก

ส่วนผลการทดลองอีกครั้งหนึ่งที่ตีพิมพ์ไว้ในเจอร์นัลฉบับเดียวกันก็ระบุว่า นักวิจัยชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งได้นำเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิไปตั้งไว้ใกล้กับถุงอัณฑะของผู้ชาย 29 คน และให้ผู้ชายทั้ง 29 คนนั้นตั้งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปเอาไว้บนตัก เมื่อเวลาผ่านไป 10-15 นาทีก็พบว่า อุณหภูมิที่ถุงอัณฑะเพิ่มขึ้นสูงถึงระดับที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อการผลิตอสุจิของเพศชาย

การผลิตอสุจิจะสามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพถ้าหากอัณฑะมีอุณหภูมิที่เย็นกว่าอุณหภูมิร่างกายประมาณ 1-2 องศา โดยที่การใช้คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปจะทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 องศาเซลเซียภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง

Dr. Yefim Sheynkin ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปัสสาวะจาก University of New York ได้ให้คำแนะนำว่า วิธีแก้ปัญหาก็คือให้ใช้โต๊ะทำงาน หรือใช้แผ่นรองคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปและนั่งแยกขาออกจากกัน แต่วิธีนี้สามารถช่วยได้เพียง 20 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นอัณฑะก็จะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับที่สามารถฆ่าอสุจิได้


ขอขอบคุณ Sanook
 

25 เคล็ดลับความสำเร็จของ Steve Jobs



"เขาว่ากันว่ามีแอ็ปเปิ้ลสามลูกที่เปลี่ยนโลกใบนี้ แอ็ปเปิ้ลลูกแรกคือ ลูกที่อดัมและอีฟกินเข้าไป แอ็ปเปิ้ลลูกที่สองคือ ลูกที่ตกใส่หัวของเซอร์ไอแซ็ค นิวทัน ทำให้เขาค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก และแอ็ปเปิ้ลลูกที่สาม คือ แอ็ปเปิ้ลของสตีฟ จ็อบส์"

สตีฟ จ็อบส์ อุทิศชีวิตให้กับการคิดนอกกรอบ เขาทำให้เส้นกั้นอันหนาเตอะระหว่างสุนทรีย์แห่งความงามและความกระด้างแห่งวิศวกรรมกลายเป็นเพียงเส้นใยอันบางเบา ผลลิตทางความคิดนี้ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมดนตรี และขับเคลื่อนพลโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เขาสมควรได้รับการยกย่องในฐานะนักประดิษฐ์แห่งสหัสวรรษที่สาม

ข้อคิดดีๆ ต่อไปนี้ คือผลพวงจากการตามติดชีวิตของเขา ทั้งในยามยากและยามรุ่งโรจน์ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการทำงาน ในชีวิตจริงเราคงอาจฝันถึงความเป็นสุดยอดเฉกเช่นเขา แต่จะเป็นจริงได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล อย่างไรก็ตามอย่างน้อยที่สุดการได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นทุกวัน ก็น่าจะพอแล้ว มาปลุกวิญญาณความเป็น สตีฟ จ็อบส์ ในตัวเราด้วยกันเถอะ

1. Beginners don't have baggage - เริ่มอย่างไร้กังวล
เริ่มต้นเล็กแต่คิดใหญ่ ผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเริ่มจากศูนย์แล้วนับหนึ่ง จากเอแล้วไปบี มักเป็นคนที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ดีๆ "ผมไม่รู้คุณค่าของปรัชญานี้จนกระทั่งผมโดนเฉดหัวออกจากแอ็ปเปิ้ลครั้งแรก นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยทีเดียว ความกดดันในความสำเร็จถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกโปร่งโล่งสบายของการเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น ไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความคิดสร้างสรรค์และมีไอเดียกระฉูดมากที่สุด"

2. Be bold - จงห้าวหาญ
สตีฟมักย้ำถึงการทำสิ่งที่ชัดเจนด้วยความกล้าและปราศจากความกลัว เขากล่าวว่า "ชีวิตคนสั้นนัก จะตายเมื่อไหร่ไม่รู้"

3. Be what's next - มองหาสิ่งใหม่ 
มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ จงเรียนรู้ อย่าฟูมฟายกับอดีตที่จบไปแล้ว อย่าคร่ำครวญกับสิ่งที่หายไป เราควรที่จะคิดถึงสิ่งใหม่ๆในชีวิตของเราที่ยังรอการค้นพบ บางครั้งก้าวแรกอาจจะแสนยาก แต่จงเริ่มต้นทำ และความกล้าหาญจะเกิดขึ้นตามมา "ถ้าผมได้บริหารแอ็ปเปิ้ล ผมคงจะมุ่งพัฒนาให้แม็คอินทอชเป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าสุดๆ ด้วยการคิดค้นลูกเล่นใหม่ๆ สงครามพีซีมันจบนานแล้ว และไมโครซอฟท์คือผู้ชนะ"

4. Design by committee doesn't work. - อย่าให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาตัดสินชี้ชะตา
มันเป็นเรื่องยากที่จะออกแบบอะไรซักอย่างตามความต้องการของพวกคนที่มานั่งประชุมกัน คนเราส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าอยากได้อะไรจริงๆ จนกว่าจะได้เห็นสิ่งนั้น"

5. Design is more than veneer - การออกแบบไม่ใช่การสร้างเปลือกนอกเพื่อห่อหุ้ม แต่มันคือสิ่งที่มีมิติและมีองค์ประกอบซ้อนกันหลายชั้น
"ในบริบทของใครหลายคน การออกแบบเป็นแค่การสร้างเปลือกนอก เป็นแค่การตกแต่งภายใน เปรียบเสมือนผ้าหุ้มโซฟา แต่สำหรับผมแล้ว การออกแบบคือจิตวิญญาณขั้นต้นของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ที่มีหัวใจของการออกแบบที่ดีแสดงออกถึงพิ้นผิวของมัน ซึ่งทับซ้อนกันอยู่หลายระดับ"

6. Don't live someone else's life - จงใช้ชีวิตในแบบของคุณ
"ช่วงเวลาชีวิตสั้นนัก อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่าด้วยการทำตามผู้อื่น อย่ายึดติดกับกฎเกณฑ์ข้อบังคับ และอย่าปล่อยใจไปตามความคิดของคนอื่น เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ทำตามที่หัวใจคุณเรียกร้องและสัญชาตญาณ"

7. Drive to do great things - ค้นหาความทะเยอทะยานและปรารถนาที่แท้จริงของคุณให้พบ 
"นึกถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และทำมันให้แตกต่างจากคนอื่น หนทางเดียวที่จะสร้างผลงานยิ่งใหญ่ได้ก็คือรักในสิ่งที่คุณทำ จงสร้างความประทับใจให้ตัวเองมิใช่ผู้อื่น"

8. Excellence is a way of life - มองหาความเป็นเลิศ
สตีฟได้บรรลุแนวทางนี้ด้วยการนำศิลปะและวิศวกรรมมาเรียงร้อยด้วยกันอย่างลงตัว เขาได้ยกระดับของสุนทรีย์แห่งการออกแบบให้สูงขึ้น "คุณภาพและความงามคือเป้าหมายสูงสุด หลายคนมักไม่คุ้นเคยกับสภาวะการทำงานที่ต้องอาศัยความเป็นเลิศ เพราะไม่ต้องใช้มันบ่อยนัก ถึงกระนั้นความเป็นเลิศคือหัวใจสำคุญที่สุดของการทำงาน"

9. Get out of the way for the moving force - จงอย่าเป็นตัวถ่วง
สตีฟไม่เคยเก็บคนไร้ประโยชน์เอาไว้ เขาตระหนักดีว่าคนที่ทำงานคือพวกที่สร้างประโยชน์ "หน้าที่หลักของผมคือทำให้คนที่ทำงานจริงๆ นั้นอยู่ดีมีสุข และเก็บพวกคนที่ไม่ทำงานเอาไว้ให้ห่างจากคนที่มีประโยชน์เหล่านี้"

10. If they fall in love with the company, everything else takes care of itself - มองหาคนทำงานที่มีความรักทุ่มเทให้กับองค์กร
"จริงอยู่ที่สมรรถภาพคือตัวแปรแห่งความสำเร็จ แต่คนทำงานเหล่านั้นจะรักบริษัทหรือเปล่า ผมเชื่อมั่นว่าถ้าเขารักแอ็ปเปิ้ล เขาจะนำพาแต่สิ่งที่ดีที่สุดมาสู่แอ็ปเปิ้ล ไม่ใช่ทำเพื่อตัวผมหรือตัวเองหรือใครก็ตาม"

11. It better be worth it. - ไม่ลองไม่รู้ จงทำให้ดีที่สุด อย่ามัวแต่หยุดนิ่งอยู่กับที่
"เมื่อเราได้เลือกแล้วว่าจะทำอะไร ฉะนั้นจงเชื่อว่ามันจะออกมาดีคุ้มค่าเหนื่อย"

12. It's not the money. It's the impact.- เงินไม่ใช่คำตอบของชีวิต คุณค่าของเราอยู่ที่การได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่โลก
"ผมไม่แคร์หรอกว่าจะได้นอนกอดเงินเป็นล้านอยู่ในหลุมศพ สิ่งสำคัญสำหรับผมคือการได้ระลึกถึงสิ่งดีงามที่เราได้ทำลงไปก่อนเข้านอน"

13. It's the crazy ones who change the world - จงคิดนอกกรอบ
กล้าทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น คนที่บ้าพอที่จะทำในสิ่งที่ไม่เหมือนใครสามารถเปลี่นแปลงโลกได้ เพราะสิ่งนั้นคือผลพวงของอัจฉริยะ

14. Innovation distinguishes between a leader and a follower.- สร้างนวัตกรรมใหม่
นวัตกรรมจะเป็นตัวชี้วัดว่าใครเป็นผู้นำ ใครเป็นผู้ตาม จ้างคนที่ต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดในโลกมาทำงาน ถึงแม้คุณจะมีคนทำงานเก่งกาจมากมาย คุณต้องเป็นผู้นำ ทำหน้าที่ชี้นำให้พวกเขาทำงานร่วมกันเป็นทีม "นวัตกรรมไม่ได้เกิดจากการหว่านเม็ดเงิน มันเกิดจากการใช้มันสมองของคนให้เต็มที่ด้วยการเป็นผู้นำที่ดี ตอนที่เราคิดค้นเครื่องแม็คขึ้นมา ไอบีเอ็มใช้เงินลงทุนมากกว่าเรา 100 เท่า มันอยู่ที่คนของคุณ อยู่ที่แนวทางของการนำพาคนเหล่านั้น"

15. Make people great. - เคี่ยวเข็ญคนของคุณให้เป็นคนเก่ง
"ผมจะไม่ทำตัวเหลาะแหละกับลูกน้อง หน้าที่ผมคือเขี่ยวเข็ญให้พวกเขาเก่งยิ่งขึ้นไปอีก"

16. Perseverance pays off.- ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
สตีฟเชื่อว่า "ครึ่งหนึ่งขององค์ประกอบทั้งมวลแห่งความสำเร็จของพวกนักลงทุนทางการเงินคือความวิริยะอุตสาหะ"

17. Put your heart and soul into it - จงทำมันให้เต็มที่ เพราะเป้าหมายมีไว้พุ่งชนและพิชิต
"กุญแจสำคัญคือความไม่กลัว ทำงานด้วยหัวใจและจิตวิญญาณแห่งการบรรลุเป้าหมาย"

18. Pick your priorities carefully - ลำดับความสำคัญอย่างระมัดระวัง
การมีไอเดียดีๆ ในหัวเป็นร้อยเรื่องคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่มันจะกลายเป็นเรื่องเยี่ยมที่สุด หากเราลำดับความสำคัญให้ดี "การเพ่งความสนใจให้กับทุกเรื่องในหัวเป็นสิ่งดี แต่นั่นไม่ใช่คำตอบแห่งความสำเร็จ ควรยึดมั่นในบางอย่างก็พอ แล้วปล่อยที่เหลือเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปสนใจ"

19. Simplicity wins - ความเรียบง่ายคืออาวุธลับและอำนาจที่จะทำให้พิชิตความสำเร็จ
"เราควรตรวจสอบขั้นตอนการทำงาน และขจัดความยุ่งยาก ด้วยการตั้งคำถามว่า เราจะทำให้มันเรียบง่ายมากขึ้นและแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นได้ในเวลาเดียวกันได้หรือไม่"

20. Talent is a huge multiplier.- พรสวรรค์ทำให้เกิดการแตกหน่อ คนเก่งมักดึงคนเก่งให้มาอยู่ด้วยกัน
"ประสบการณ์สอนผมว่า การที่เราได้คนเก่งมาร่วมงาน ทำให้องค์กรสามารถดึงคนเก่งจากที่อื่นมาร่วมงานได้มากขึ้น ทั้งนี้โดยธรรมชาติของคนพวกนี้ มักชอบทำงานกับคนเก่งด้วยกัน"

21. Take responsibility for the complete user experience.- ความคิดเห็นจากผู้ใช้และลูกค้าคือเสียงสำคัญ
"ดีเอ็นเอของเราคือบริษัทที่คำนึงถึงผู้บริโภค เสียงตอบรับไม่ว่าดีหรือร้าย บวกหรือลบ ล้วนแล้วแต่มีบทบาทเท่ากันในการปรับปรุงการให้บริการ หน้าที่ของเราคือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ลูกค้าได้รับจากเรา"

22. What you don't do defines you as much as what you do - "ผมมีความภูมิใจในสิ่งที่ยังไม่ได้ลงมือทำเท่ากับสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว"

23. You have nothing to lose.- ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว
ทำด้วยใจ สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ด้วยความรัก "อีกไม่กี่วันพวกเราก็ตายแล้ว ฉะนั้นอย่าไปคิดว่าเราได้สูญโอกาสไปแล้วเท่าไหร่ การคิดแบบนี้เหมือนกับดักทางความคิด ให้คิดว่าเราได้เปลือยกายจนล่อนจ้อน จะมีเหลืออยู่ก็แต่ร่างกายและหัวใจ จงทำทุกอย่างให้เต็มที่"

24. You just might be right, even if nobody listens to you. -การที่ไม่มีใครฟังคุณ ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด
สทีฟเคยเจอกับตัวเอง เลยเล่าให้ฟังงว่า "คุณรู้มั้ย ผมเคยมีแผนการวิเศษที่จะช่วยกู้ชีพแอ็ปเปิ้ลได้ มันเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ผมไม่สามารถบอกใครได้ เพราะไม่มีใครยอมฟัง" อุทาหรณ์ของเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การที่ไม่มีใครฟังคุณเลย ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด

25. Your brand is your most valuable asset - จุดยืนของตัวเองคือสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด
นั่นคือคุณแตกต่างจากคนอื่น ทำให้คนอื่นทราบว่านี่แหละคือตัวคุณ นี่แหละคือออร่าของคุณ

"เมื่อพูดถึงแอ็ปเปิ้ล แบรนด์ของเราคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในสายตาผม"


ขอขอบคุณ Sanook
 

สุดยอด 10 ความคิด ให้รวยล้นฟ้า



ความคิดของเราถ้าเราคิดให้ถูก เราก็สามารถมีความสุขกับชีวิตได้ ในที่นี้คำว่าคนรวยไม่ได้หมายถึงมหาเศรษฐี แต่หมายถึงคนที่มีความสุขกับการทำงานและรักในงานที่ทำและมีความสุขในชีวิต

1. คนปกติคิดว่าเงินตราคือความชั่วร้าย แต่ คนรวยมองความยากจนเป็นสิ่งชั่วร้าย
เหมือนผู้คนที่มีฐานะปานกลางจะถูกปลูกฝังว่าคนที่เกิดมารวยนั้นโชคดี หรือไม่ก็ฉ้อโกงมา
ส่วนเหล่าคนรวยนั้นรู้ว่าเงินไม่อาจซื้อความสุขได้แต่มันทำให้ชีวิตดำเนินไปอย่างง่ายดายมากกว่าจึงปฏิเสธความจนโดยการเลือกที่จะทำงานหนัก

2. คนปกติมักคิดถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา แต่คนรวยมักคิดถึงเรื่องในอนาคต
คนรวยมักที่จะคิดถึงอนาคตที่รออยู่เผื่อการตัดสินใจต่างๆ จะได้ง่ายขึ้นเพื่อที่จะได้ไปถึงวันที่ดีกว่า
ส่วนคนปกติ มักจะคิดว่าวันที่ดีของเขาคืออดีต ซึ่งทำให้จมอยู่กับอดีตแล้วไม่ได้คิดถึงการวางแผนในอนาคต

3. คนปกติมองเงินผ่านอารมณ์ แต่ คนรวยมักมองเงินตราผ่านหลักการความเป็นไปได้
คนรวยมักที่จะมีหลักการต่างๆที่จะวางแผนที่จะหาเงินจากโอกาส ที่อยู่ในอาชีพของตน
ส่วนคนปกติมักจะคาดฝันเงินที่จะทำได้จากการทำงาน โดยไม่มองหาโอกาสที่จะทำเงินเพิ่มได้

4. คนปกติได้รับเงินจากการทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ แต่ คนรวยมักทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วได้เงิน
คนปกตินั้นดูเหมือนจะทำงานอยู่ตลอดเวลาแต่หลักการที่ฉลาดนั้นคือค้นหาสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ และประยุกต์มันให้สามารถทำเงินได้ต่างหาก

5. คนธรรมดามักจะตั้งเป้าหมายเอาไว้ต่ำเพื่อที่จะไม่เจ็บตัว แต่คนรวยนั้นมักพร้อมสำหรับการท้าทายใหม่ๆเสมอ
อย่างที่เล่าไปคนธรรมดามักจะตั้งเป้าหมายเอาไว้ต่ำเพื่อที่จะไม่เจ็บตัวซึ่งต่างกับคนรวยที่มักที่จะกล้าเสี่ยงกับอะไรใหม่ๆ ซี่งทำให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ที่ดีกว่า

6. คนธรรมดามักคิดว่าอยากรวย แต่ คนรวยมักคิดว่าต้องเป็นอะไรซักอย่างถึงทำให้ตัวเองรวย
คนที่รวยมักจะนำสิ่งที่ตัวเองเป็นมาเป็นจุดขายให้กับตัวเองในการทำงานหรือธุรกิจต่างๆ
แต่คนปกติมักจะคิดว่าตัวเองต้องทำอะไรซักอย่าง โดยไม่สนว่าต้องทำอะไรซึ่งบางที่อาจจะทำให้ตัวเองไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำ

7. คนธรรมดามักมุ่งไปที่การเก็บเงินอย่างเดียว แต่ คนรวยมักมุ่งไปที่การได้รับเงินด้วย
การที่ได้รับเงินนั้นเป็นวิธีที่ทำให้เราได้หลักทรัพย์มากขึ้นคนรวยมักจะหาวิธีที่ทำให้ตัวเองได้สิ่งนี้มาเพิ่ม โดยนำสิ่งที่ตัวเองสนใจ มาสร้างโอกาสในขณะที่เก็บเงินอยู่ด้วย

8. คนธรรมดามักกดดันกับเงินตรา แต่ คนรวยมักเข้าใจในการหมุนเวียนของเงิน
คนรวยมักจะเข้าใจการหมุนเวียนของเงินอยู่แล้วจึงไม่มีความกดดันกับเงินค่าต่างๆที่ต้องเสียไป แต่คนธรรมดามักจะให้อำนาจเงินตรา อยู่เหนือตนเองและเป็นสิ่งที่ครอบครองความคิด

9. คนธรรมดามักโตมากับการเอาตัวรอด แต่ คนรวยมักโตมากับความคิดที่ว่าฉันจะต้องประสบความสำเร็จ
คนธรรมดามักที่จะคิดว่าการที่จะเอาตัวรอดไปวันๆก็เป็นเรื่องที่เพียงพอแล้ว แต่คนรวยมักจะคิดและวางแผนให้กับชีวิตตัวเองเพื่อ ให้ตนเองประสบความสำเร็จในอาชีพและชีวิตในอนาคต

10.คนปกติคิดว่าการใช้เงินฟุ่มเฟือยเป็นเรื่องไม่ดี แต่คนรวยมองว่า เงินช่วยให้มีความสุขขึ้นได้
เหล่าเศรษฐีมักจะออกไปหาความสุขใส่ตัวให้เต็มที่และก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำ
ส่วนคนทั่วไป อาจจะมองว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่น ใช้เงินอยู่กินให้พ้นไปวันๆ ยังดีกว่า



ลองหันกลับมามองตัวคุณดูว่า 1 ใน 10 ข้อนี้ คุณคิดแบบไหนบ้าง ??
ลองเปลี่ยนมุมมองความคิด ให้ไปในทางบวก คิดให้มีความสุข และมันจะช่วยให้คุณเป็นเศรษฐีทั้งสุขและทรัพย์เลยนะ

ขอขอบคุณ Sanook
 

แบบทรงผมดัด แบบหนุ่มเกาหลี


เรื่องเกี่ยวกับทรงผม เป็นปัญหาโลกแตกทุกทีที่คิดจะตัดผมครับ ว่าจะตัดทรงไหน อย่างไรดี แต่ถ้าคิดว่าอยากจะลองเปลี่ยนสไตล์จากคนผมตรงเป็นแบบอื่นๆแล้ว การดัดผม เป็นอีกหนึ่งวิธีครับ ที่จะช่วยเปลี่ยนสไตล์ของคุณได้ สำหรับคนมีผมตรงและลีบแบน การดัดผม เป็นทางออกที่ดีอย่างมากครับ เพราะจะทำให้คุณมีผมที่ดูหนามากขึ้น ดูมีวอลุ่ม ครับ และทาง Guy2M มีแบบทรงผมดัด มาให้เลือกดูกันครับ ชอบทรงไหน อยากตัดทรงไหน ก็เซฟแล้วเอารูปไปปรึกษาที่ร้านตัดผมได้เลยครับ






ขอขอบคุณ Sanook
 

5 เคล็ดลับเติมรักให้สุขสดชื่น



หลายคนมองหาความรัก หลายคนวิ่งไล่ตามความรัก และอีกหลายคนรอให้ใครมารัก แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีความรักที่สมหวัง และได้พบกับคู่ที่เหมาะสมกับเรา จนบางคนถึงกับมีคำเปรียบเปรยขึ้นมาว่า “คนที่ได้พบกับความรักที่สดใสและมีคู่ชีวิตที่ดี ก็เหมือนกับการถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 !”

แต่ทว่าเบื้องหลังชัยชนะอันหอมหวานนี้ สิ่งที่ยากยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การรักษาความสัมพันธ์ให้ราบรื่น สดใส มั่นคง และยืนยาว จำเป็นต้องอาศัยศิลปะในการจัดการและการทำความเข้าใจ ซึ่งมาจากประสบการณ์ ความมั่นคงทางจิตใจและสติ หากขาดคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว ความรักที่ค้นหามานานและทำท่าจะไปได้ดีนั้น อาจถึงทางตัน ไม่สามารถไปต่อได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

จึงขอนำเสนอเคล็ดลับดีๆ ที่ช่วยเติมความสดใสให้กับชีวิตคู่ และรักษาความสัมพันธ์ให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นบนถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ

1. ขจัดความเห็นแก่ตัว

เมื่อเรารักใครสักคน สิ่งที่จะต้องก้าวข้ามไปให้ได้ก็คือ การเห็นแก่ตัว เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ความรักระหว่างคุณและเขากลายเป็นความอึดอัด สร้างความไม่เข้าใจ และเกิดความสงสัยในรัก จนทำให้อีกฝ่ายเกิดความไม่มั่นใจ และไม่แน่ใจว่าจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เหล่านั้นไปถึงจุดหมายปลายทางได้หรือไม่

2. ริจะรักต้องมีสติ

เพราะความรักมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรักแบบวูบวาบ เจอปุ๊บ รักปั๊บ รักแบบปั๊บปี้เลิฟ รักผสมใคร่ ที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง อาจกลายเป็นการทำร้ายกันในเวลาต่อมา รักประเภทนี้มักจะขาดการประเมินก่อนว่าคนที่เรารักนั้นเหมาะสมกับเราหรือไม่ หรือรักแบบมีเหตุผล ที่ใช้สมองมากกว่าหัวใจ รู้ว่าทำไมถึงรัก ไม่ใช่รู้ว่าแค่รัก แต่บอกเหตุผลไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะมีความรักแบบไหน หากมีสติเป็นตัวช่วยประคองความรักไว้ ก็จะทำให้การตัดสินใจของเราเป็นไปในทิศทางที่ถูกที่ควรยิ่งขึ้น

3. เปิดใจกว้าง

หากใครต้องการให้ความรักสดใสไร้อุปสรรคไม่ควรมองข้ามคุณสมบัติในข้อนี้ เพราะจะช่วยลดความตึงเครียดลงได้มาก หลายคู่มักจบลงเพราะอีกฝ่ายเป็นคนใจแคบ สนใจแต่ความรู้สึกของตัวเอง และต้องการให้คู่ของตนเป็นในแบบที่ตัวเองต้องการ นานวันเข้าจึงกลายเป็นการครอบครองความคิดของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าแสดงความคิดเห็นออกมา และขาดความเป็นตัวเองในที่สุด นี่น่ะหรือ…คนรักกัน!!

4. อย่าปิดบัง ซ่อนเร้น

อย่าทำตัวเป็นแม่พิกุลทองยุค 2013 ที่เก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจ ไม่เคยเผยออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิด แรกๆ ก็พอไหว แต่หากเก็บไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นการเก็บกดเข้า พอถึงเวลาระเบิด ทุกอย่างที่อยู่ใกล้ก็พังพินาศ  แต่หากมีการสื่อสารกันและกันอยู่ตลอดเวลา จะทำให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความรู้สึกและความคิดของเรา ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันและกันมากขึ้น ซึ่งความเข้าใจนี่แหละคืออาวุธลับที่สำคัญที่จะช่วยให้ความรักของคุณเต็มไปด้วยความสว่างไสว ไม่อับเฉา หรือหมองหม่น

5. หมั่นเติมความหวานให้กับชีวิตคู่

เป็นธรรมดาที่เมื่อคบกันไปนานๆ แล้ว ความรู้สึกวาบหวามและตื่นเต้นแบบช่วงโปรโมชั่นย่อมมีจืดจางไปบ้าง แต่หากเราไม่หมั่นเติมความหวานให้กันและกันแล้ว ก็ย่อมเสี่ยงต่อการที่เขาจะไปเจอกับความสดใสซาบซ่านที่อื่น วิธีเรียกความซู่ซ่าวาบหวามให้กลับมาง่ายๆ ก็คือ การแสดงความรักด้วยการโอบกอด หรือหอมแก้มกันและกัน อาจมีการบอกรักกันบ้างในบางโอกาส ก็เป็นตัวช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้สดใสได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

ขอขอบคุณ GMLIVE
 

เคล็ดลับการเลือกกระเป๋าทำงาน


ก่อนเลือกซื้อกระเป๋าทำงานสักใบ ให้คำนึงถึง 3 ปัจจัย อันได้แก่ วัสดุ ความต้องการ และการดูแลรักษา สำหรับวัสดุที่เหมาะกับผู้ชายควรผลิตจากหนังวัว ผ้าใบ หรือไม่ก็คอตตอนเคลือบเงา วัสดุเหล่านี้มีความทนทานสูง แต่ราคาก็เพิ่มตามไปด้วย ประการต่อมาคือ คุณควรตอบตัวเองให้ได้ว่าต้องการใช้กับกิจกรรมใด เช่น ทำงาน ออกกำลังกาย หรือท่องเที่ยว รวมทั้งต้องแจกแจงดูว่ามีข้าวของอะไรบ้างที่จะใส่ลงไป ตรงนี้จะช่วยให้คุณเลือกรูปทรงและการออกแบบข้างในของกระเป๋าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สุดท้าย อย่าลืมถามวิธีการทำความสะอาดจากพนักงานขาย เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า แมนๆ อย่างเราใช้ของไม่ค่อยรักษา

ขอขอบคุณ: GMLIVE
 

5 ความผิดพลาดที่หลายคนมักละเลย



เผยเคล็ดลับ 5 วิธีการดูแลล้างหน้าที่ถูกต้อง และอาจจะมีบางเรื่องที่คุณมองข้ามไปดังต่อไปนี้ครับ

1. เชื่อเถอะครับว่าโทรศัพท์มือถือของคุณน่ะสกปรกจริงๆ รู้ไหมว่าการใช้โทรศัพท์ของคุณส่งผลกระทบต่อผิวหน้าของคุณได้อย่างร้ายกาจ เพราะว่าในแต่ละวันคุณใช้โทรศัพท์อัตราเฉลี่ย 20 ครั้งต่อวัน ซึ่งแต่ละครั้งในการใช้โทรศัพท์ต้องสัมผัสกับผิวหน้าของคุณ ลองคิดดูสิครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากผิวหน้าของคุณต้องสัมผัสสิ่งสกปรกและคราบต่างๆ ที่ติดอยู่กับโทรศัพท์ไม่รู้ต่อกี่ครั้ง ทางที่ดีหมั่นทำความสะอาดหน้าจอบ่อยๆ และใช้สมอลล์ทอล์กทุกครั้ง จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้

2. ควรล้างหน้าหลังจากการอาบน้ำ ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ความง่าย คือสิ่งที่พวกเราชื่นชอบเสมอ อันไหนก่อนหลังไม่สำคัญ แต่อย่าลืมนะครับว่าเวลาที่คุณสระผมและใช้คอนดิชั่นเนอร์ สารเหล่านี้อาจตกค้างอยู่บนใบหน้าของคุณ การล้างหน้าหลังการอาบน้ำจะช่วยให้สารตกค้างเหล่านี้หมดไป

3. อย่าล้างหน้ามากกว่า 2 ครั้งต่อวัน การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว คือ ตื่นนอนตอนเช้า และอาบน้ำตอนเย็น การล้างหน้าบ่อยเกินไปจะทำให้เกิดอาการผิวแห้งและลอก แต่ในกรณีที่ผิวของคุณสกปรกจริงๆ เช่น หลังเล่นกีฬา อาจจะยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ แต่นอกจากนั้นใช้น้ำเปล่าล้างเพียงอย่างเดียวก็พอแล้วครับ

4. ล้างหน้าตอนกลางคืนสำคัญกว่าตอนเช้า ในตอนเช้าคุณอาจจะเร่งรีบจนไม่มีแม้แต่เวลาล้างหน้า ไม่เป็นไร แต่ก่อนจะเข้านอนนี่อย่าละเลยเป็นอันขาดนะครับ เพราะคราบสกปรกที่สะสมมาทั้งวันจะติดใบหน้าคุณไปตลอดทั้งคืน และที่สำคัญเจ้าเชื้อโรคและไขมันที่ก่อให้เกิดสิว มันมักจะใช้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาทำงานของมันเอามากๆ เสียด้วย

5. หากมีเวลาว่างคุณจะใช้บริการนวดหน้า ขัดหน้า หรือใช้มาส์กบำรุงผิวช่วยบ้างก็ได้ การล้างหน้าอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะจะช่วยขจัดผิวที่ตายแล้ว และทำความสะอาด ขจัดสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนผิวหน้าของคุณ


ขอขอบคุณ: sanook
 

;