Guy2M


กดจุดแบบเต๋า เพิ่มพลังความเสียว



ทราบกันไหมครับว่าการกดจุดแบบเต๋านั้นสามารถช่วยเพิ่มพูนความต้องการของฝ่ายหญิงได้อย่างยอดเยี่ยมยิ่งกว่าการลุยดะฉะแหลกเป็นไหนๆ ลองมาดูกันครับว่าเคล็ดลับการกดจุดเพิ่มอารมณ์นั้นทำกันเช่นไร

ขั้นต้น จงสัมผัสเล้าโลมทั้งเรือนร่าง มิใช่จู่โจมโหมทะยานเข้าสู่จุดสำคัญของสาวเจ้าในทันทีทันใด อาจเริ่มจากบีบนวดที่มือและข้อมือทั้งสองข้าง แล้วลงไปที่เท้าและส้นเท้า จากนั้นย้อนกลับมาบีบเฟ้นที่แขน ไหล่ และทรวงอก กลับไปที่ขาและต้นขาทั้งสอง ขึ้นมาที่ท้องน้อยและเอว

จุดนวดเฟ้นต่างๆ เหล่านี้ ตำราเต๋ากล่าวว่า เป็นจุดที่อ่อนไหวที่สุด ซึ่งหากได้รับการกระตุ้น พลังงานแห่งความรักจะไหลเวียนไปทั่วร่าง และเกิดความต้องการล้นปรี่ แก้ปัญหาช่องประตูสวรรค์ของหญิงสาวที่ไม่ค่อยมีน้ำหล่อลื่น ทำให้หนุ่มๆ เร่งลีลาโลดโผน พลิ้วไหว ได้ดีกว่าเส้นทางรักที่ฝืดและฝืน

จุดสำคัญอีกบางจุด ที่หนุ่มๆ พึงสัมผัสด้วยการกดนิ้วหนัก คือบริเวณน่อง สูงจากส้นเท้าขึ้นมาประมาณ 3 นิ้ว ซึ่งเป็น จุดเร้าพลังงานทางเพศโดยเฉพาะ รวมไปถึงบริเวณแผ่นหลังด้านล่าง กระเบนเหน็บ ท้องแขนด้านใน และขาอ่อนด้านใน


ขอขอบคุณ Sanook
Read More >>
 

เล้าโลม เสียเวลาแต่ได้ผล



ประโยคที่เรามักได้ยินกันจนชินหูคือ ‘ระหว่างทาง' สำคัญกว่า ‘จุดหมายปลายทาง' และหากเทียบเคียง ‘การร่วมรัก' กับประโยคดังกล่าว อาจจะตรงกับสิ่งที่ว่า ในการมีเซ็กซ์นั้นแทนที่หนุ่มๆ จะพุ่งเป้าไปที่การเผด็จศึกฝ่ายหญิงอย่างไม่ลืมหูลืมตา สิ่งสำคัญที่คุณๆ หลงลืมไปคือการเล้าโลม แน่นอนครับว่าธรรมชาติของผู้หญิง กว่าพวกเธอจะจุดไฟติดต้องใช้เวลานานกว่าผู้ชาย อาจจะไม่กี่นาทีหรือลากยาวไปเป็นชั่วโมงก็ได้ ที่สำคัญ การเล้าโลมยังช่วยให้ทั้งสองฝ่ายสามารถเก็บเกี่ยวความสุขทางเพศได้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย อาจจะใช้เวลาในการเล้าโลมไปมากหน่อยก็เถอะ แต่รับรองว่า ความหฤหรรษ์ที่ได้รับกลับคืนมามันคุ้มค่ากว่าแน่นอน

มาดูกันว่าหนุ่มๆ จะเปิดฉากเล้าโลมสาวๆ ได้อย่างไรกันบ้าง อย่างแรกเห็นจะเป็นการเล่น ‘ชิวหาพาเพลิน' คุณมีหน้าที่บดขยี้ริมฝีปากของเธอ ตามด้วยการใช้ลิ้นสำรวจทุกซอกทุกมุม เสร็จสรรพก็ถึงเวลาดื่ม ‘นม' ปทุมถันของผู้หญิงช่างมีเสน่ห์ดึงดูดเสียจริงครับ แต่ก่อนที่จะขึ้นไปถึงจุดยอดตรงหน้าอก คุณควรใช้ปากหรือมือสร้างความสุขให้กับเธอโดยการสัมผัสรอบๆ เนินเสียก่อน เพิ่มความแรง (ในการนวดคลึงหรือเลีย!) อีกนิดถ้าเห็นว่าเธอมีความสุขกับกิจกรรมนี้ แล้วค่อยเล่นกับส่วนยอดของหน้าอกเป็นการปิดฉากความกระสัน หากเครื่องของเธอยังไม่ติด บริเวณส่วนหลังด้านล่างของผู้หญิง เป็นจุดต่อไปที่คุณควรจู่โจม-โดยการใช้มือนวดคลึงไปที่บริเวณนั้น ขั้นตอนนี้อาจทำให้อารมณ์รักของฝ่ายหญิงพุ่งปรี๊ดขึ้นมาก็ได้ เพราะบริเวณดังกล่าวเป็นจุดรวมของเส้นปลายประสาทหลายเส้น แต่ถ้ายังไม่ได้ผล ‘ไม้ตาย' ในการวอร์มเครื่องก่อนเปิดฉากรักคือการสัมผัสที่จุดจีสปอตและปุ่มคลิตอริสที่อยู่ตรงบริเวณของสงวนของเธอ เท่านี้ก็เป็นอันว่า เครื่องของคุณและคู่รักก็พร้อมจะสตาร์ทไปได้พร้อมๆ กันแล้วครับ


ขอขอบคุณ GMLIVE
Read More >>
 

Exercise @ Home ออกกำลังกายง่ายๆ ทำได้ที่บ้าน



ก่อนและหลังการออกกำลังกาย เราจะวอร์มกล้ามเนื้อ และป้องกันอาการบาดเจ็บ ส่วนสำคัญที่ลืมไม่ได้คือ ระหว่างการออกกำลังกาย ควรมีการหยุดพัก และเรามีที่พักยืดกล้ามเนื้อระหว่างการออกกำลังกายมาให้ดูกัน  รวมถึงท่าออกกำลังกายแสนง่าย เพื่อช่วยกระชับกล้ามเนื้อหน้าท้อง ด้วยการเกร็งกล้ามเนื้อ ต่อด้วยท่ายกเวทกระชับแขนและหัวไหล่...เอาหล่ะ วอร์มกล้ามเนื้อ แล้วลุย!!!


ท่าการพักยืดกล้ามเนื้อและการกระชับกล้ามเนื้อท้องด้วยการเกร็ง 





ท่ายกเวทกระชับกล้ามเนื้อแขนและหัวไหล่





ขอขอบคุณ Sanook
Read More >>
 

พุงยื่น! สัญญาณอันตรายของชายหนุ่ม Belly Off !



เรื่อง : บ๊อบบี้

ขึ้นชื่อว่า ‘อ้วน' ก็ไม่ได้ส่งผลลบเสมอไป ช่วงนี้หลายคนที่น้ำหนักเพิ่มเพราะไม่ออกกำลังกาย หาความชอบธรรมด้วยการหยิบตัวอย่างรูปร่างของ PSY เจ้าของเพลงและท่าเต้นกังนัมสไตล์ ที่กวาดรายได้เข้ากระเป๋ากว่า 10 ล้านเหรียญ และมากขึ้นเรื่อยๆ มาอ้าง

ความอ้วนไม่มีปัญหาแน่ครับ ถ้ารูปร่างของเรายังสมส่วนอยู่ แต่ถ้าเป็น ‘อ้วนแบบลงพุง' ก็คงต้องกลับมาพิจารณาตัวเองบ้างว่าถึงขั้นฉุกเฉินหรือยัง เพราะยิ่งพุงยื่นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเสี่ยงตายเท่านั้น ตามคำแนะนำของแพทย์หญิงชนันภรณ์ วิพุธศิริ อายุรแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิซึ่ม โรงพยาบาลกรุงเทพ

กติกา ‘อ้วนแบบลงพุง'

คนที่อ้วนลงพุงนั้นเกิดจากการมีไขมันสะสมในช่องท้องปริมาณมากกว่าคนปกติ ยิ่งมีเส้นรอบเอวมากเท่าไหร่ ไขมันยิ่งสะสมในช่องท้องมากเท่านั้น และไขมันที่สะสมนี้จะแตกตัวเป็นกรดไขมันอิสระเข้าสู่ตับ มีผลให้อินซูลินออกฤทธิ์ได้ไม่ดี เกิดเป็น ‘ภาวะโรคอ้วนลงพุง' ต้นเหตุของโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น น้ำตาลในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง ปวดตามข้อ ไขมันเกาะตับ

โดยรอบเอวมากกว่าหรือเท่ากับ 90 เซนติเมตรในชาย และรอบเอวมากกว่าหรือเท่ากับ 80 เซนติเมตรในหญิงเอเชีย บวกกับอีก 2 ใน 4 ข้อต่อไปนี้เป็นสัญญาณที่ต้องระวังอย่างจริงจัง และจะได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคอ้วนลงพุง ควรจะมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร เพิ่มการออกกำลังกายและลดน้ำหนักลงอย่างน้อยร้อยละ 7 จากน้ำหนักตัวเดิม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวานในอนาคต เพื่อตัวคุณทั้งนั้น !

สาเหตุของการเป็นโรคอ้วน แพทย์หญิงชนันภรณ์บอกว่าเกิดได้จากหลายปัจจัย ได้แก่ โรคอ้วนที่เกิดจากกรรมพันธุ์หรือยีนบางชนิดที่ผิดปกติ หรือจากพฤติกรรมการกิน เช่น การกินอาหารที่มีไขมันสูง อาหารที่มีกากอาหารต่ำ ฟาสต์ฟู้ด ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม และพฤติกรรมการออกกำลังกายที่น้อยลง ส่วนอีกหนึ่งสาเหตุก็มาจากโรค เช่น ไทรอยด์ทำงานต่ำ การรับยาสมุนไพรที่มีส่วนประกอบของสารสเตียรอยด์บ่อยๆ โรคที่ฮอร์โมนการเจริญเติบโตทำงานต่ำ และโดยทั่วไปจะพบว่าส่วนใหญ่ผู้หญิงจะอ้วนง่ายกว่าผู้ชาย และอายุที่อ้วนมากที่สุดจะอยู่ในระหว่างช่วง 45-49 ปี

พนักงานออฟฟิศต้องระวัง

ผู้ที่นั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศเป็นเวลานานๆ ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย หรือใช้พลังงานมากก็ทำให้ระบบเผาผลาญทำงานต่ำ อ้วนลงพุงได้ง่าย มีไขมันสะสมมากกว่าคนปกติ นอกจากนี้การชี้วัดความอ้วนจะดูที่ดัชนีมวลกาย มาตรฐานของคนเอเชียที่มีน้ำหนักเกินจะมีดัชนีมวลกายมากกว่าหรือเท่ากับ 23 กิโลกรัมต่อตารางเมตร และมากกว่าหรือเท่ากับ 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร สำหรับโรคอ้วน ในปัจจุบันยังสามารถใช้วิธีเจาะเลือดตรวจไขมัน และใช้เครื่องมือทันสมัยอย่างเครื่อง Bioelectrical Impedance Analysis เข้ามาช่วย

และที่บอกว่าเสี่ยงอันตรายถึงตาย เป็นเพราะหากคนเรามีไขมันสะสมในช่องท้องมากนั้นจะส่งผลเสียต่อร่างกาย ทำให้เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน ส่งผลให้ตับมีการสร้างน้ำตาลกลูโคสเพิ่มมากขึ้น เบต้าเซลล์ของตับอ่อนถูกทำลาย และระดับน้ำตาลในเลือดสูงตามมา นำไปสู่การเป็นโรคเบาหวาน ภาวะไขมันในเลือดที่สูงขึ้นจะทำให้เกิดผลึกไขมัน นำไปสู่การเกิดหลอดเลือดอุดตัน เสี่ยงต่อโรคอัมพฤกษ์อัมพาต


ขอขอบคุณ Sanook
Read More >>
 

Wifi อันตรายที่ผู้ชายพึงระวัง



Fertility and Sterility เจอร์นัลตีพิมพ์ผลการวิจัยของกลุ่มนักวิจัยในอาร์เจนติน่าซึ่งได้ทำการทดสอบทฤษฎีนี้ด้วยการนำอสุจิที่สมบูรณ์แข็งแรงมาวางไว้ใกล้กับเครื่องคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปที่กำลังดาวน์โหลดข้อมูลอยู่ เมื่อเวลาผ่านไป 4 ชั่วโมง จึงพบว่า ¼ ของอสุจิหยุดว่าย โดยเมื่อเปรียบเทียบกับอสุจิที่นำไปวางไว้ห่างจากคอมพิวเตอร์แล้ว มีเพียงร้อยละ 14 เท่านั้นที่หยุดว่าย นอกจากนี้ก็ยังเกิดความเสียหายขึ้นกับดีเอ็นเอของอสุจิที่วางไว้ใกล้กับคอมพิวเตอร์ ร้อยละ 9 อีกด้วย นับว่ามากกว่าปริมาณของอสุจิอีกกลุ่มถึงสามเท่า


นักวิทยาศาสตร์ให้เหตุผลว่า ตัวการที่ทำให้เกิดความเสียหายต่ออสุจิก็คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากอินเทอร์เน็ตไร้สายนั่นเอง อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไม่ได้สรุปผลการทดลองนี้ว่าเป็นผลลัพธ์สิ้นสุด และจะต้องมีการทำการวิจัยเพิ่มเติมต่อไปอีก

ส่วนผลการทดลองอีกครั้งหนึ่งที่ตีพิมพ์ไว้ในเจอร์นัลฉบับเดียวกันก็ระบุว่า นักวิจัยชาวอเมริกันกลุ่มหนึ่งได้นำเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิไปตั้งไว้ใกล้กับถุงอัณฑะของผู้ชาย 29 คน และให้ผู้ชายทั้ง 29 คนนั้นตั้งคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปเอาไว้บนตัก เมื่อเวลาผ่านไป 10-15 นาทีก็พบว่า อุณหภูมิที่ถุงอัณฑะเพิ่มขึ้นสูงถึงระดับที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อการผลิตอสุจิของเพศชาย

การผลิตอสุจิจะสามารถทำได้เต็มประสิทธิภาพถ้าหากอัณฑะมีอุณหภูมิที่เย็นกว่าอุณหภูมิร่างกายประมาณ 1-2 องศา โดยที่การใช้คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปจะทำให้อุณหภูมิเพิ่มขึ้นประมาณ 2.5 องศาเซลเซียภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง

Dr. Yefim Sheynkin ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบปัสสาวะจาก University of New York ได้ให้คำแนะนำว่า วิธีแก้ปัญหาก็คือให้ใช้โต๊ะทำงาน หรือใช้แผ่นรองคอมพิวเตอร์แล็ปท็อปและนั่งแยกขาออกจากกัน แต่วิธีนี้สามารถช่วยได้เพียง 20 นาทีเท่านั้น หลังจากนั้นอัณฑะก็จะร้อนขึ้นเรื่อยๆ จนถึงระดับที่สามารถฆ่าอสุจิได้


ขอขอบคุณ Sanook
Read More >>
 

25 เคล็ดลับความสำเร็จของ Steve Jobs



"เขาว่ากันว่ามีแอ็ปเปิ้ลสามลูกที่เปลี่ยนโลกใบนี้ แอ็ปเปิ้ลลูกแรกคือ ลูกที่อดัมและอีฟกินเข้าไป แอ็ปเปิ้ลลูกที่สองคือ ลูกที่ตกใส่หัวของเซอร์ไอแซ็ค นิวทัน ทำให้เขาค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก และแอ็ปเปิ้ลลูกที่สาม คือ แอ็ปเปิ้ลของสตีฟ จ็อบส์"

สตีฟ จ็อบส์ อุทิศชีวิตให้กับการคิดนอกกรอบ เขาทำให้เส้นกั้นอันหนาเตอะระหว่างสุนทรีย์แห่งความงามและความกระด้างแห่งวิศวกรรมกลายเป็นเพียงเส้นใยอันบางเบา ผลลิตทางความคิดนี้ทำให้เกิดผลิตภัณฑ์ที่พลิกโฉมหน้าอุตสาหกรรมดนตรี และขับเคลื่อนพลโลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว เขาสมควรได้รับการยกย่องในฐานะนักประดิษฐ์แห่งสหัสวรรษที่สาม

ข้อคิดดีๆ ต่อไปนี้ คือผลพวงจากการตามติดชีวิตของเขา ทั้งในยามยากและยามรุ่งโรจน์ เป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการทำงาน ในชีวิตจริงเราคงอาจฝันถึงความเป็นสุดยอดเฉกเช่นเขา แต่จะเป็นจริงได้หรือไม่ขึ้นอยู่กับตัวบุคคล อย่างไรก็ตามอย่างน้อยที่สุดการได้พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นทุกวัน ก็น่าจะพอแล้ว มาปลุกวิญญาณความเป็น สตีฟ จ็อบส์ ในตัวเราด้วยกันเถอะ

1. Beginners don't have baggage - เริ่มอย่างไร้กังวล
เริ่มต้นเล็กแต่คิดใหญ่ ผู้ที่เพิ่งจะเริ่มต้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยเริ่มจากศูนย์แล้วนับหนึ่ง จากเอแล้วไปบี มักเป็นคนที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ดีๆ "ผมไม่รู้คุณค่าของปรัชญานี้จนกระทั่งผมโดนเฉดหัวออกจากแอ็ปเปิ้ลครั้งแรก นั่นคือสิ่งที่ดีที่สุดที่เคยเกิดขึ้นกับผมเลยทีเดียว ความกดดันในความสำเร็จถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกโปร่งโล่งสบายของการเป็นผู้ที่เพิ่งเริ่มต้น ไม่ต้องกังวลกับสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น เป็นช่วงเวลาที่ผมมีความคิดสร้างสรรค์และมีไอเดียกระฉูดมากที่สุด"

2. Be bold - จงห้าวหาญ
สตีฟมักย้ำถึงการทำสิ่งที่ชัดเจนด้วยความกล้าและปราศจากความกลัว เขากล่าวว่า "ชีวิตคนสั้นนัก จะตายเมื่อไหร่ไม่รู้"

3. Be what's next - มองหาสิ่งใหม่ 
มีสิ่งใหม่เกิดขึ้นอยู่เสมอ จงเรียนรู้ อย่าฟูมฟายกับอดีตที่จบไปแล้ว อย่าคร่ำครวญกับสิ่งที่หายไป เราควรที่จะคิดถึงสิ่งใหม่ๆในชีวิตของเราที่ยังรอการค้นพบ บางครั้งก้าวแรกอาจจะแสนยาก แต่จงเริ่มต้นทำ และความกล้าหาญจะเกิดขึ้นตามมา "ถ้าผมได้บริหารแอ็ปเปิ้ล ผมคงจะมุ่งพัฒนาให้แม็คอินทอชเป็นผลิตภัณฑ์ที่คุ้มค่าสุดๆ ด้วยการคิดค้นลูกเล่นใหม่ๆ สงครามพีซีมันจบนานแล้ว และไมโครซอฟท์คือผู้ชนะ"

4. Design by committee doesn't work. - อย่าให้คนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งมาตัดสินชี้ชะตา
มันเป็นเรื่องยากที่จะออกแบบอะไรซักอย่างตามความต้องการของพวกคนที่มานั่งประชุมกัน คนเราส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าอยากได้อะไรจริงๆ จนกว่าจะได้เห็นสิ่งนั้น"

5. Design is more than veneer - การออกแบบไม่ใช่การสร้างเปลือกนอกเพื่อห่อหุ้ม แต่มันคือสิ่งที่มีมิติและมีองค์ประกอบซ้อนกันหลายชั้น
"ในบริบทของใครหลายคน การออกแบบเป็นแค่การสร้างเปลือกนอก เป็นแค่การตกแต่งภายใน เปรียบเสมือนผ้าหุ้มโซฟา แต่สำหรับผมแล้ว การออกแบบคือจิตวิญญาณขั้นต้นของการใช้ความคิดสร้างสรรค์ ผลิตภัณฑ์ที่มีหัวใจของการออกแบบที่ดีแสดงออกถึงพิ้นผิวของมัน ซึ่งทับซ้อนกันอยู่หลายระดับ"

6. Don't live someone else's life - จงใช้ชีวิตในแบบของคุณ
"ช่วงเวลาชีวิตสั้นนัก อย่าปล่อยเวลาให้เสียเปล่าด้วยการทำตามผู้อื่น อย่ายึดติดกับกฎเกณฑ์ข้อบังคับ และอย่าปล่อยใจไปตามความคิดของคนอื่น เหนือกว่าสิ่งอื่นใด ทำตามที่หัวใจคุณเรียกร้องและสัญชาตญาณ"

7. Drive to do great things - ค้นหาความทะเยอทะยานและปรารถนาที่แท้จริงของคุณให้พบ 
"นึกถึงสิ่งที่เป็นไปไม่ได้และทำมันให้แตกต่างจากคนอื่น หนทางเดียวที่จะสร้างผลงานยิ่งใหญ่ได้ก็คือรักในสิ่งที่คุณทำ จงสร้างความประทับใจให้ตัวเองมิใช่ผู้อื่น"

8. Excellence is a way of life - มองหาความเป็นเลิศ
สตีฟได้บรรลุแนวทางนี้ด้วยการนำศิลปะและวิศวกรรมมาเรียงร้อยด้วยกันอย่างลงตัว เขาได้ยกระดับของสุนทรีย์แห่งการออกแบบให้สูงขึ้น "คุณภาพและความงามคือเป้าหมายสูงสุด หลายคนมักไม่คุ้นเคยกับสภาวะการทำงานที่ต้องอาศัยความเป็นเลิศ เพราะไม่ต้องใช้มันบ่อยนัก ถึงกระนั้นความเป็นเลิศคือหัวใจสำคุญที่สุดของการทำงาน"

9. Get out of the way for the moving force - จงอย่าเป็นตัวถ่วง
สตีฟไม่เคยเก็บคนไร้ประโยชน์เอาไว้ เขาตระหนักดีว่าคนที่ทำงานคือพวกที่สร้างประโยชน์ "หน้าที่หลักของผมคือทำให้คนที่ทำงานจริงๆ นั้นอยู่ดีมีสุข และเก็บพวกคนที่ไม่ทำงานเอาไว้ให้ห่างจากคนที่มีประโยชน์เหล่านี้"

10. If they fall in love with the company, everything else takes care of itself - มองหาคนทำงานที่มีความรักทุ่มเทให้กับองค์กร
"จริงอยู่ที่สมรรถภาพคือตัวแปรแห่งความสำเร็จ แต่คนทำงานเหล่านั้นจะรักบริษัทหรือเปล่า ผมเชื่อมั่นว่าถ้าเขารักแอ็ปเปิ้ล เขาจะนำพาแต่สิ่งที่ดีที่สุดมาสู่แอ็ปเปิ้ล ไม่ใช่ทำเพื่อตัวผมหรือตัวเองหรือใครก็ตาม"

11. It better be worth it. - ไม่ลองไม่รู้ จงทำให้ดีที่สุด อย่ามัวแต่หยุดนิ่งอยู่กับที่
"เมื่อเราได้เลือกแล้วว่าจะทำอะไร ฉะนั้นจงเชื่อว่ามันจะออกมาดีคุ้มค่าเหนื่อย"

12. It's not the money. It's the impact.- เงินไม่ใช่คำตอบของชีวิต คุณค่าของเราอยู่ที่การได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่โลก
"ผมไม่แคร์หรอกว่าจะได้นอนกอดเงินเป็นล้านอยู่ในหลุมศพ สิ่งสำคัญสำหรับผมคือการได้ระลึกถึงสิ่งดีงามที่เราได้ทำลงไปก่อนเข้านอน"

13. It's the crazy ones who change the world - จงคิดนอกกรอบ
กล้าทำในสิ่งที่แตกต่างจากคนอื่น คนที่บ้าพอที่จะทำในสิ่งที่ไม่เหมือนใครสามารถเปลี่นแปลงโลกได้ เพราะสิ่งนั้นคือผลพวงของอัจฉริยะ

14. Innovation distinguishes between a leader and a follower.- สร้างนวัตกรรมใหม่
นวัตกรรมจะเป็นตัวชี้วัดว่าใครเป็นผู้นำ ใครเป็นผู้ตาม จ้างคนที่ต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดในโลกมาทำงาน ถึงแม้คุณจะมีคนทำงานเก่งกาจมากมาย คุณต้องเป็นผู้นำ ทำหน้าที่ชี้นำให้พวกเขาทำงานร่วมกันเป็นทีม "นวัตกรรมไม่ได้เกิดจากการหว่านเม็ดเงิน มันเกิดจากการใช้มันสมองของคนให้เต็มที่ด้วยการเป็นผู้นำที่ดี ตอนที่เราคิดค้นเครื่องแม็คขึ้นมา ไอบีเอ็มใช้เงินลงทุนมากกว่าเรา 100 เท่า มันอยู่ที่คนของคุณ อยู่ที่แนวทางของการนำพาคนเหล่านั้น"

15. Make people great. - เคี่ยวเข็ญคนของคุณให้เป็นคนเก่ง
"ผมจะไม่ทำตัวเหลาะแหละกับลูกน้อง หน้าที่ผมคือเขี่ยวเข็ญให้พวกเขาเก่งยิ่งขึ้นไปอีก"

16. Perseverance pays off.- ความพยายามอยู่ที่ไหนความสำเร็จอยู่ที่นั่น
สตีฟเชื่อว่า "ครึ่งหนึ่งขององค์ประกอบทั้งมวลแห่งความสำเร็จของพวกนักลงทุนทางการเงินคือความวิริยะอุตสาหะ"

17. Put your heart and soul into it - จงทำมันให้เต็มที่ เพราะเป้าหมายมีไว้พุ่งชนและพิชิต
"กุญแจสำคัญคือความไม่กลัว ทำงานด้วยหัวใจและจิตวิญญาณแห่งการบรรลุเป้าหมาย"

18. Pick your priorities carefully - ลำดับความสำคัญอย่างระมัดระวัง
การมีไอเดียดีๆ ในหัวเป็นร้อยเรื่องคือสิ่งที่ยอดเยี่ยม แต่มันจะกลายเป็นเรื่องเยี่ยมที่สุด หากเราลำดับความสำคัญให้ดี "การเพ่งความสนใจให้กับทุกเรื่องในหัวเป็นสิ่งดี แต่นั่นไม่ใช่คำตอบแห่งความสำเร็จ ควรยึดมั่นในบางอย่างก็พอ แล้วปล่อยที่เหลือเอาไว้ก่อน อย่าเพิ่งไปสนใจ"

19. Simplicity wins - ความเรียบง่ายคืออาวุธลับและอำนาจที่จะทำให้พิชิตความสำเร็จ
"เราควรตรวจสอบขั้นตอนการทำงาน และขจัดความยุ่งยาก ด้วยการตั้งคำถามว่า เราจะทำให้มันเรียบง่ายมากขึ้นและแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นได้ในเวลาเดียวกันได้หรือไม่"

20. Talent is a huge multiplier.- พรสวรรค์ทำให้เกิดการแตกหน่อ คนเก่งมักดึงคนเก่งให้มาอยู่ด้วยกัน
"ประสบการณ์สอนผมว่า การที่เราได้คนเก่งมาร่วมงาน ทำให้องค์กรสามารถดึงคนเก่งจากที่อื่นมาร่วมงานได้มากขึ้น ทั้งนี้โดยธรรมชาติของคนพวกนี้ มักชอบทำงานกับคนเก่งด้วยกัน"

21. Take responsibility for the complete user experience.- ความคิดเห็นจากผู้ใช้และลูกค้าคือเสียงสำคัญ
"ดีเอ็นเอของเราคือบริษัทที่คำนึงถึงผู้บริโภค เสียงตอบรับไม่ว่าดีหรือร้าย บวกหรือลบ ล้วนแล้วแต่มีบทบาทเท่ากันในการปรับปรุงการให้บริการ หน้าที่ของเราคือการรับผิดชอบต่อสิ่งที่ลูกค้าได้รับจากเรา"

22. What you don't do defines you as much as what you do - "ผมมีความภูมิใจในสิ่งที่ยังไม่ได้ลงมือทำเท่ากับสิ่งที่ได้ทำไปแล้ว"

23. You have nothing to lose.- ไม่มีอะไรต้องเสียอีกแล้ว
ทำด้วยใจ สร้างผลงานอันยิ่งใหญ่ด้วยความรัก "อีกไม่กี่วันพวกเราก็ตายแล้ว ฉะนั้นอย่าไปคิดว่าเราได้สูญโอกาสไปแล้วเท่าไหร่ การคิดแบบนี้เหมือนกับดักทางความคิด ให้คิดว่าเราได้เปลือยกายจนล่อนจ้อน จะมีเหลืออยู่ก็แต่ร่างกายและหัวใจ จงทำทุกอย่างให้เต็มที่"

24. You just might be right, even if nobody listens to you. -การที่ไม่มีใครฟังคุณ ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด
สทีฟเคยเจอกับตัวเอง เลยเล่าให้ฟังงว่า "คุณรู้มั้ย ผมเคยมีแผนการวิเศษที่จะช่วยกู้ชีพแอ็ปเปิ้ลได้ มันเป็นวิธีที่สมบูรณ์แบบที่สุด แต่ผมไม่สามารถบอกใครได้ เพราะไม่มีใครยอมฟัง" อุทาหรณ์ของเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การที่ไม่มีใครฟังคุณเลย ไม่ได้หมายความว่าคุณผิด

25. Your brand is your most valuable asset - จุดยืนของตัวเองคือสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด
นั่นคือคุณแตกต่างจากคนอื่น ทำให้คนอื่นทราบว่านี่แหละคือตัวคุณ นี่แหละคือออร่าของคุณ

"เมื่อพูดถึงแอ็ปเปิ้ล แบรนด์ของเราคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดในสายตาผม"


ขอขอบคุณ Sanook
Read More >>
 

สุดยอด 10 ความคิด ให้รวยล้นฟ้า



ความคิดของเราถ้าเราคิดให้ถูก เราก็สามารถมีความสุขกับชีวิตได้ ในที่นี้คำว่าคนรวยไม่ได้หมายถึงมหาเศรษฐี แต่หมายถึงคนที่มีความสุขกับการทำงานและรักในงานที่ทำและมีความสุขในชีวิต

1. คนปกติคิดว่าเงินตราคือความชั่วร้าย แต่ คนรวยมองความยากจนเป็นสิ่งชั่วร้าย
เหมือนผู้คนที่มีฐานะปานกลางจะถูกปลูกฝังว่าคนที่เกิดมารวยนั้นโชคดี หรือไม่ก็ฉ้อโกงมา
ส่วนเหล่าคนรวยนั้นรู้ว่าเงินไม่อาจซื้อความสุขได้แต่มันทำให้ชีวิตดำเนินไปอย่างง่ายดายมากกว่าจึงปฏิเสธความจนโดยการเลือกที่จะทำงานหนัก

2. คนปกติมักคิดถึงเรื่องอดีตที่ผ่านมา แต่คนรวยมักคิดถึงเรื่องในอนาคต
คนรวยมักที่จะคิดถึงอนาคตที่รออยู่เผื่อการตัดสินใจต่างๆ จะได้ง่ายขึ้นเพื่อที่จะได้ไปถึงวันที่ดีกว่า
ส่วนคนปกติ มักจะคิดว่าวันที่ดีของเขาคืออดีต ซึ่งทำให้จมอยู่กับอดีตแล้วไม่ได้คิดถึงการวางแผนในอนาคต

3. คนปกติมองเงินผ่านอารมณ์ แต่ คนรวยมักมองเงินตราผ่านหลักการความเป็นไปได้
คนรวยมักที่จะมีหลักการต่างๆที่จะวางแผนที่จะหาเงินจากโอกาส ที่อยู่ในอาชีพของตน
ส่วนคนปกติมักจะคาดฝันเงินที่จะทำได้จากการทำงาน โดยไม่มองหาโอกาสที่จะทำเงินเพิ่มได้

4. คนปกติได้รับเงินจากการทำงานที่ตัวเองไม่ชอบ แต่ คนรวยมักทำในสิ่งที่ตัวเองชอบแล้วได้เงิน
คนปกตินั้นดูเหมือนจะทำงานอยู่ตลอดเวลาแต่หลักการที่ฉลาดนั้นคือค้นหาสิ่งที่ตัวเองรักและชอบ และประยุกต์มันให้สามารถทำเงินได้ต่างหาก

5. คนธรรมดามักจะตั้งเป้าหมายเอาไว้ต่ำเพื่อที่จะไม่เจ็บตัว แต่คนรวยนั้นมักพร้อมสำหรับการท้าทายใหม่ๆเสมอ
อย่างที่เล่าไปคนธรรมดามักจะตั้งเป้าหมายเอาไว้ต่ำเพื่อที่จะไม่เจ็บตัวซึ่งต่างกับคนรวยที่มักที่จะกล้าเสี่ยงกับอะไรใหม่ๆ ซี่งทำให้ตัวเองได้ผลประโยชน์ที่ดีกว่า

6. คนธรรมดามักคิดว่าอยากรวย แต่ คนรวยมักคิดว่าต้องเป็นอะไรซักอย่างถึงทำให้ตัวเองรวย
คนที่รวยมักจะนำสิ่งที่ตัวเองเป็นมาเป็นจุดขายให้กับตัวเองในการทำงานหรือธุรกิจต่างๆ
แต่คนปกติมักจะคิดว่าตัวเองต้องทำอะไรซักอย่าง โดยไม่สนว่าต้องทำอะไรซึ่งบางที่อาจจะทำให้ตัวเองไม่มีความสุขกับสิ่งที่ทำ

7. คนธรรมดามักมุ่งไปที่การเก็บเงินอย่างเดียว แต่ คนรวยมักมุ่งไปที่การได้รับเงินด้วย
การที่ได้รับเงินนั้นเป็นวิธีที่ทำให้เราได้หลักทรัพย์มากขึ้นคนรวยมักจะหาวิธีที่ทำให้ตัวเองได้สิ่งนี้มาเพิ่ม โดยนำสิ่งที่ตัวเองสนใจ มาสร้างโอกาสในขณะที่เก็บเงินอยู่ด้วย

8. คนธรรมดามักกดดันกับเงินตรา แต่ คนรวยมักเข้าใจในการหมุนเวียนของเงิน
คนรวยมักจะเข้าใจการหมุนเวียนของเงินอยู่แล้วจึงไม่มีความกดดันกับเงินค่าต่างๆที่ต้องเสียไป แต่คนธรรมดามักจะให้อำนาจเงินตรา อยู่เหนือตนเองและเป็นสิ่งที่ครอบครองความคิด

9. คนธรรมดามักโตมากับการเอาตัวรอด แต่ คนรวยมักโตมากับความคิดที่ว่าฉันจะต้องประสบความสำเร็จ
คนธรรมดามักที่จะคิดว่าการที่จะเอาตัวรอดไปวันๆก็เป็นเรื่องที่เพียงพอแล้ว แต่คนรวยมักจะคิดและวางแผนให้กับชีวิตตัวเองเพื่อ ให้ตนเองประสบความสำเร็จในอาชีพและชีวิตในอนาคต

10.คนปกติคิดว่าการใช้เงินฟุ่มเฟือยเป็นเรื่องไม่ดี แต่คนรวยมองว่า เงินช่วยให้มีความสุขขึ้นได้
เหล่าเศรษฐีมักจะออกไปหาความสุขใส่ตัวให้เต็มที่และก็มีความสุขกับสิ่งที่ทำ
ส่วนคนทั่วไป อาจจะมองว่าเอาเงินไปทำอย่างอื่น ใช้เงินอยู่กินให้พ้นไปวันๆ ยังดีกว่า



ลองหันกลับมามองตัวคุณดูว่า 1 ใน 10 ข้อนี้ คุณคิดแบบไหนบ้าง ??
ลองเปลี่ยนมุมมองความคิด ให้ไปในทางบวก คิดให้มีความสุข และมันจะช่วยให้คุณเป็นเศรษฐีทั้งสุขและทรัพย์เลยนะ

ขอขอบคุณ Sanook
Read More >>
 

แบบทรงผมดัด แบบหนุ่มเกาหลี


เรื่องเกี่ยวกับทรงผม เป็นปัญหาโลกแตกทุกทีที่คิดจะตัดผมครับ ว่าจะตัดทรงไหน อย่างไรดี แต่ถ้าคิดว่าอยากจะลองเปลี่ยนสไตล์จากคนผมตรงเป็นแบบอื่นๆแล้ว การดัดผม เป็นอีกหนึ่งวิธีครับ ที่จะช่วยเปลี่ยนสไตล์ของคุณได้ สำหรับคนมีผมตรงและลีบแบน การดัดผม เป็นทางออกที่ดีอย่างมากครับ เพราะจะทำให้คุณมีผมที่ดูหนามากขึ้น ดูมีวอลุ่ม ครับ และทาง Guy2M มีแบบทรงผมดัด มาให้เลือกดูกันครับ ชอบทรงไหน อยากตัดทรงไหน ก็เซฟแล้วเอารูปไปปรึกษาที่ร้านตัดผมได้เลยครับ






ขอขอบคุณ Sanook
Read More >>
 

5 เคล็ดลับเติมรักให้สุขสดชื่น



หลายคนมองหาความรัก หลายคนวิ่งไล่ตามความรัก และอีกหลายคนรอให้ใครมารัก แต่จะมีสักกี่คนที่จะมีความรักที่สมหวัง และได้พบกับคู่ที่เหมาะสมกับเรา จนบางคนถึงกับมีคำเปรียบเปรยขึ้นมาว่า “คนที่ได้พบกับความรักที่สดใสและมีคู่ชีวิตที่ดี ก็เหมือนกับการถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่ 1 !”

แต่ทว่าเบื้องหลังชัยชนะอันหอมหวานนี้ สิ่งที่ยากยิ่งไปกว่านั้นก็คือ การรักษาความสัมพันธ์ให้ราบรื่น สดใส มั่นคง และยืนยาว จำเป็นต้องอาศัยศิลปะในการจัดการและการทำความเข้าใจ ซึ่งมาจากประสบการณ์ ความมั่นคงทางจิตใจและสติ หากขาดคุณสมบัติเหล่านี้แล้ว ความรักที่ค้นหามานานและทำท่าจะไปได้ดีนั้น อาจถึงทางตัน ไม่สามารถไปต่อได้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง

จึงขอนำเสนอเคล็ดลับดีๆ ที่ช่วยเติมความสดใสให้กับชีวิตคู่ และรักษาความสัมพันธ์ให้ดำเนินไปอย่างราบรื่นบนถนนที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ

1. ขจัดความเห็นแก่ตัว

เมื่อเรารักใครสักคน สิ่งที่จะต้องก้าวข้ามไปให้ได้ก็คือ การเห็นแก่ตัว เพราะมันเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ความรักระหว่างคุณและเขากลายเป็นความอึดอัด สร้างความไม่เข้าใจ และเกิดความสงสัยในรัก จนทำให้อีกฝ่ายเกิดความไม่มั่นใจ และไม่แน่ใจว่าจะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆ เหล่านั้นไปถึงจุดหมายปลายทางได้หรือไม่

2. ริจะรักต้องมีสติ

เพราะความรักมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรักแบบวูบวาบ เจอปุ๊บ รักปั๊บ รักแบบปั๊บปี้เลิฟ รักผสมใคร่ ที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง อาจกลายเป็นการทำร้ายกันในเวลาต่อมา รักประเภทนี้มักจะขาดการประเมินก่อนว่าคนที่เรารักนั้นเหมาะสมกับเราหรือไม่ หรือรักแบบมีเหตุผล ที่ใช้สมองมากกว่าหัวใจ รู้ว่าทำไมถึงรัก ไม่ใช่รู้ว่าแค่รัก แต่บอกเหตุผลไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะมีความรักแบบไหน หากมีสติเป็นตัวช่วยประคองความรักไว้ ก็จะทำให้การตัดสินใจของเราเป็นไปในทิศทางที่ถูกที่ควรยิ่งขึ้น

3. เปิดใจกว้าง

หากใครต้องการให้ความรักสดใสไร้อุปสรรคไม่ควรมองข้ามคุณสมบัติในข้อนี้ เพราะจะช่วยลดความตึงเครียดลงได้มาก หลายคู่มักจบลงเพราะอีกฝ่ายเป็นคนใจแคบ สนใจแต่ความรู้สึกของตัวเอง และต้องการให้คู่ของตนเป็นในแบบที่ตัวเองต้องการ นานวันเข้าจึงกลายเป็นการครอบครองความคิดของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว ทำให้อีกฝ่ายไม่กล้าแสดงความคิดเห็นออกมา และขาดความเป็นตัวเองในที่สุด นี่น่ะหรือ…คนรักกัน!!

4. อย่าปิดบัง ซ่อนเร้น

อย่าทำตัวเป็นแม่พิกุลทองยุค 2013 ที่เก็บทุกอย่างเอาไว้ในใจ ไม่เคยเผยออกมาให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความรู้สึกนึกคิด แรกๆ ก็พอไหว แต่หากเก็บไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นการเก็บกดเข้า พอถึงเวลาระเบิด ทุกอย่างที่อยู่ใกล้ก็พังพินาศ  แต่หากมีการสื่อสารกันและกันอยู่ตลอดเวลา จะทำให้อีกฝ่ายได้รับรู้ถึงความรู้สึกและความคิดของเรา ต่างฝ่ายต่างเข้าใจกันและกันมากขึ้น ซึ่งความเข้าใจนี่แหละคืออาวุธลับที่สำคัญที่จะช่วยให้ความรักของคุณเต็มไปด้วยความสว่างไสว ไม่อับเฉา หรือหมองหม่น

5. หมั่นเติมความหวานให้กับชีวิตคู่

เป็นธรรมดาที่เมื่อคบกันไปนานๆ แล้ว ความรู้สึกวาบหวามและตื่นเต้นแบบช่วงโปรโมชั่นย่อมมีจืดจางไปบ้าง แต่หากเราไม่หมั่นเติมความหวานให้กันและกันแล้ว ก็ย่อมเสี่ยงต่อการที่เขาจะไปเจอกับความสดใสซาบซ่านที่อื่น วิธีเรียกความซู่ซ่าวาบหวามให้กลับมาง่ายๆ ก็คือ การแสดงความรักด้วยการโอบกอด หรือหอมแก้มกันและกัน อาจมีการบอกรักกันบ้างในบางโอกาส ก็เป็นตัวช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้สดใสได้ดีไม่น้อยเลยทีเดียว

ขอขอบคุณ GMLIVE
Read More >>
 

เคล็ดลับการเลือกกระเป๋าทำงาน


ก่อนเลือกซื้อกระเป๋าทำงานสักใบ ให้คำนึงถึง 3 ปัจจัย อันได้แก่ วัสดุ ความต้องการ และการดูแลรักษา สำหรับวัสดุที่เหมาะกับผู้ชายควรผลิตจากหนังวัว ผ้าใบ หรือไม่ก็คอตตอนเคลือบเงา วัสดุเหล่านี้มีความทนทานสูง แต่ราคาก็เพิ่มตามไปด้วย ประการต่อมาคือ คุณควรตอบตัวเองให้ได้ว่าต้องการใช้กับกิจกรรมใด เช่น ทำงาน ออกกำลังกาย หรือท่องเที่ยว รวมทั้งต้องแจกแจงดูว่ามีข้าวของอะไรบ้างที่จะใส่ลงไป ตรงนี้จะช่วยให้คุณเลือกรูปทรงและการออกแบบข้างในของกระเป๋าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น สุดท้าย อย่าลืมถามวิธีการทำความสะอาดจากพนักงานขาย เพราะอย่างที่รู้ๆ กันอยู่แล้วว่า แมนๆ อย่างเราใช้ของไม่ค่อยรักษา

ขอขอบคุณ: GMLIVE
Read More >>
 

5 ความผิดพลาดที่หลายคนมักละเลย



เผยเคล็ดลับ 5 วิธีการดูแลล้างหน้าที่ถูกต้อง และอาจจะมีบางเรื่องที่คุณมองข้ามไปดังต่อไปนี้ครับ

1. เชื่อเถอะครับว่าโทรศัพท์มือถือของคุณน่ะสกปรกจริงๆ รู้ไหมว่าการใช้โทรศัพท์ของคุณส่งผลกระทบต่อผิวหน้าของคุณได้อย่างร้ายกาจ เพราะว่าในแต่ละวันคุณใช้โทรศัพท์อัตราเฉลี่ย 20 ครั้งต่อวัน ซึ่งแต่ละครั้งในการใช้โทรศัพท์ต้องสัมผัสกับผิวหน้าของคุณ ลองคิดดูสิครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากผิวหน้าของคุณต้องสัมผัสสิ่งสกปรกและคราบต่างๆ ที่ติดอยู่กับโทรศัพท์ไม่รู้ต่อกี่ครั้ง ทางที่ดีหมั่นทำความสะอาดหน้าจอบ่อยๆ และใช้สมอลล์ทอล์กทุกครั้ง จะช่วยแก้ปัญหานี้ได้

2. ควรล้างหน้าหลังจากการอาบน้ำ ขึ้นชื่อว่าผู้ชาย ความง่าย คือสิ่งที่พวกเราชื่นชอบเสมอ อันไหนก่อนหลังไม่สำคัญ แต่อย่าลืมนะครับว่าเวลาที่คุณสระผมและใช้คอนดิชั่นเนอร์ สารเหล่านี้อาจตกค้างอยู่บนใบหน้าของคุณ การล้างหน้าหลังการอาบน้ำจะช่วยให้สารตกค้างเหล่านี้หมดไป

3. อย่าล้างหน้ามากกว่า 2 ครั้งต่อวัน การล้างหน้าเพียงวันละ 2 ครั้งก็เพียงพอแล้ว คือ ตื่นนอนตอนเช้า และอาบน้ำตอนเย็น การล้างหน้าบ่อยเกินไปจะทำให้เกิดอาการผิวแห้งและลอก แต่ในกรณีที่ผิวของคุณสกปรกจริงๆ เช่น หลังเล่นกีฬา อาจจะยกเว้นเป็นกรณีพิเศษ แต่นอกจากนั้นใช้น้ำเปล่าล้างเพียงอย่างเดียวก็พอแล้วครับ

4. ล้างหน้าตอนกลางคืนสำคัญกว่าตอนเช้า ในตอนเช้าคุณอาจจะเร่งรีบจนไม่มีแม้แต่เวลาล้างหน้า ไม่เป็นไร แต่ก่อนจะเข้านอนนี่อย่าละเลยเป็นอันขาดนะครับ เพราะคราบสกปรกที่สะสมมาทั้งวันจะติดใบหน้าคุณไปตลอดทั้งคืน และที่สำคัญเจ้าเชื้อโรคและไขมันที่ก่อให้เกิดสิว มันมักจะใช้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาทำงานของมันเอามากๆ เสียด้วย

5. หากมีเวลาว่างคุณจะใช้บริการนวดหน้า ขัดหน้า หรือใช้มาส์กบำรุงผิวช่วยบ้างก็ได้ การล้างหน้าอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ เพราะจะช่วยขจัดผิวที่ตายแล้ว และทำความสะอาด ขจัดสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่บนผิวหน้าของคุณ


ขอขอบคุณ: sanook
Read More >>
 

"จูบ" ขั้นเทพ



อาจจะไม่ต้องเชื่อก็ได้ แต่นักจิตวิทยาทางเพศชาวตะวันตกบอกว่า ในวัฒนธรรมการออกเดท (นัดหมายดูใจ) ของพวกเขา หากทุกอย่างดำเนินไปได้ด้วยดี และเมื่อฝ่ายชายมอบ รอยจูบ ผู้หญิงใช้รอยจูบนั้นเป็นเครื่องตัดสินใจได้ทันที ว่าเธอจะขึ้นเตียงกับเขาหรือไม่

การจูบที่เหมาะสม สามารถทำให้ฝ่ายหญิงเกิดแรงปรารถนาในตัวฝ่ายชายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนก็ได้ ขณะเดียวกันรอยจูบที่ไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ไม่ปกติ ก็สามารถทำให้ฝ่ายชายเหงาหงอยกลับบ้านไปเพียงแต่เดียวดายได้อีกเหมือนกัน เรื่องแบบนี้ขึ้นอยู่กับ ทักษะการจูบ ที่ผู้ชายต้องฝึกให้มีความสมบูรณ์แบบกันหน่อย ดังนั้นบรรดานักจิตวิทยาทางเพศจึงพากันแนะนำ เทคนิคการมอบรอยจูบกันยกใหญ่

แต่สำหรับวัฒนธรรมไทย เอาแค่เพียงว่า การจูบที่เหมาะสม การจูบที่ถูกต้อง น่าจะช่วยให้ชีวิตคู่ของสามีภรรยา มีความรื่นรมย์ขึ้นก็พอ อย่าไปทำร้ายหญิงอื่นที่ไม่ใช่ภรรยาตนเองกันเลย

นักจิตวิทยากลุ่มนั้นบอกกันว่า ผู้หญิงทุกคนชอบได้รับการจูบในรูปแบบต่างๆ กันไป แต่มีเทคนิคการจูบบางอย่างจากฝ่ายชายที่ผู้หญิงทุกคน มีใจชอบตรงกัน นั่นก็คือ ผู้หญิงอยากได้ความรู้สึกที่ว่า ใครก็ตามที่กำลังจูบเธอ กำลังจูบด้วยความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวเธอ และนี่คือ เคล็ดลับบางอย่างที่จะทำให้คุณสุภาพบุรุษพอจะเกิดความมั่นใจขึ้นมาบ้าง ว่าริมฝีปากแม่บ้านของคุณจะรู้สึกได้ถึงความร้อนแรงที่คุณมีต่อตัวเธอ


- ใช้วิธีจัดฉากช่วย
แม้ว่าจะไม่สามารถหาสถานที่สมบูรณ์แบบสำหรับการมอบรอยจูบได้ทุกครั้ง แต่บางครั้งโอกาสก็เอื้ออำนวยโดยไม่จำเป็นต้องจัดฉากช่วย เพียงแต่คุณรู้จักเรียนรู้ที่จะใช้ข้อได้เปรียบนั้น ก็อาจสร้างนาทีแห่งความประทับใจไม่รู้ลืมให้กับชีวิตคู่ของคุณได้เหมือนกัน
แต่ถ้าต้องการจัดฉาก นักจิตวิทยาแนะนำว่า สำหรับสถานที่โรแมนติกยอดนิยมสำหรับมอบรอยจูบก็คือ ในสวนสาธารณะของฤดูใบไม้ร่วง บนชายหาดยามพระอาทิตย์ใกล้ตก แม้แต่ในรถยนต์ส่วนตัวขณะติดสัญญาณไฟจราจร
วิธีการคือ แค่เพียงกอดเธอไว้ให้แน่นสักหน่อย (ไม่ต้องแน่นมาก เพียงแต่ให้เธอรู้สึกว่าคุณจริงจังที่จะมอบรอยจูบนี้) แล้วมอบรอยจูบที่สุภาพ นุ่มนวล ประมาณ 2-3 วินาที แต่ถ้ากำลังนั่งอยู่ในรถ ก็แค่เอื้อมไปกุมมือเธอไว้ก็พอ

- ใช้มือประกอบ
งานนี้ แม้ว่าริมฝีปากจะเป็นอวัยวะที่ต้องทำงานเป็นหลัก แต่การวางตำแหน่งมือ ก็เป็นเรื่องสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และนี่คือข้อแนะนำอีกนิดหน่อยสำหรับการใช้มือประกอบการมอบรอยจูบให้ทรงประสิทธิภาพ
- ลูบไล้แผ่นหลังเธอเบาๆ
- โอบไว้ที่สะเอวเธอ
- ใช้อุ้งมือทั้งสองข้างประคองใบหน้าเธอไว้ด้วยความทะนุถนอม
- เชยคางเธอขึ้นนิดหน่อย (ใช้มือเพียงข้างเดียวก็พอ)
- ใช้นิ้วมือไล้เข้าไปในเรือนผมของเธอ
- จับมือเธอแล้วประสานนิ้วมือเข้าด้วยกันระหว่างมือของคุณกับมือของเธอ

- โชว์พลังการจูบ
การโชว์กำลังความสามารถในการจูบโดยไม่ทำเหมือนพระเอกในละครน้ำเน่า (เหมือนฝ่ายชายจะกลืนกินริมฝีปากผู้หญิง) อาจจะยากอยู่สักหน่อย แต่จริงๆ แล้ว คุณแค่เพียงจูบเธอในลักษณะที่ เน้นน้ำหนักนิดหน่อยแต่นุ่มนวล พยายามจูบให้เธอรู้สึกราวกับว่าเธอเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกที่มีความสำคัญกับคุณมากสุดจะบรรยาย ถ้าอารมณ์พาไป คุณสามารถ ส่งเสียงอึ่มอ้ำในลำคอ ด้วยความพึงพอใจได้เบาๆ ประกอบการจูบ หรือไม่ก็ หยุดสักครู่ เพ่งมองดวงตาเธอด้วยความรัก และจูบต่อ
หรือไม่ก็ ขณะที่คุณกำลังจะจูบเธอ เมื่อขยับริมฝีปากเข้าไปใกล้ริมฝีปากเธอ แต่อย่าเพิ่งให้ริมฝีปากสัมผัสกัน ชะงักไว้สักเสี้ยววินาที ให้เธอกะจังหวะพลาด หรือแปลกใจ เวลาผู้หญิงแปลกใจ ประสาทรับสัมผัสจะตื่นตัวมากขึ้น จากนั้นจึงค่อยประทับริมฝีปากลงไปด้วยความนุ่มนวล หนักหน่วง เนิ่นช้า เธอจะยิ่งรู้สึกมากขึ้น

- ตำแหน่งอื่นก็จูบได้
ไม่จำเป็นต้องประทับจูบเฉพาะที่เรียวปากอย่างเดียวเท่านั้น ตำแหน่งอื่นก็สามารถปลุกเร้าอารมณ์ได้เช่นกัน เริ่มจากทำใจให้สบายที่จะมอบรอยจูบลงบนตำแหน่งอื่นๆ บนใบหน้าภรรยา เช่น แก้ม คิ้ว ติ่งหู ริมฝีปากล่าง (หรือบน) เพียงตำแหน่งเดียว ไล่จูบลงมาได้แม้กระทั่งตามลำคอ เนินไหล่ มือ และข้อมือ



ที่สำคัญเหนือกว่า การแสดงกิริยาจูบ คือรอยจูบนั้นแสดงออกโดย มีความหมาย หรือไม่

ไม่ว่าคุณจะจูบผู้หญิงโดยมีสัมผัสจากลิ้นของคุณหรือไม่ จูบนั้นต้องแสดงให้เห็นว่า คุณรักเธอ คือ เคล็ดลับสำคัญที่จะทำให้รอยจูบมีประสิทธิภาพที่สุด

ขอบคุณ : sanook
Read More >>
 

เซ็กส์แบบไหน คือตัวคุณ?



บนโลกกลมๆ ใบนี้ เรื่องราวของเซ็กซ์เป็นเรื่องที่ยิ่งค้นหา ก็ยิ่งลึกลับ ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ไม่มีใครบอกได้ว่าผู้หญิงที่คุณกำลังจะมีเซ็กซ์ด้วยนั้น จะพึงพอใจในเซ็กซ์ที่คุณจะมอบให้หรือไม่ จนกว่าจะบรรเลงเพลงรักจบสิ้น แต่เพื่อให้เข้าใกล้เซ็กซ์ที่พึงพอใจและอุดมไปด้วยความสุขของทั้งสองฝ่าย ทำให้หนังสือ What's Your Sex Style? แบ่งเซ็กซ์ออกเป็น 6 แบบใหญ่ๆ ซึ่งแต่ละแบบก็บ่งบอกความเป็นตัวคุณได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญบางคนอาจจะมีความต้องการเรื่องเซ็กซ์มากกว่าหนึ่งแบบด้วยซ้ำ


**Style1: Sex is Fun**
อารมณ์ดีเพราะมีความสุข ไม่มีทุกข์จะไม่ให้สุขได้อย่างไร คนที่มีลักษณะนิสัยสนุกสนาน ร่าเริง ขี้เล่น จะเข้ากับเซ็กซ์แบบนี้ เรื่องบนเตียงจะไม่ใช่เพียงแค่การสอดใส่ให้เสร็จอย่างเดียวเท่านั้น แต่จะเรียกเสียงหัวเราะต่อกระซิกให้เกิดอารมณ์ขันบนเตียงได้เป็นอย่างดี

เซ็กซ์แบบนี้หากมองให้ดีก็ดูไม่ซีเรียส ผ่อนคลาย และไร้ความกังวล แต่ผู้หญิงบางคนอาจไม่ชอบเพราะคิดว่าคุณมองทุกอย่างเป็นเรื่องสนุกไปหมด ไร้สาระ ไม่จริงจัง หรือเธออาจคิดเลยเถิดไปว่า คุณไม่จริงจังกับเธอก็เป็นได้

เช่นนั้นแล้ว แม้เสียงหัวเราะจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ควรจะมีลิมิตของมัน ใครที่มองว่าเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องสนุกสนาน ก็ดีครับ แบ่งปันให้คนอื่นๆ มีความสุขบ้าง แต่อย่ามากจนเกินไป เพราะอาจโดนตอกกลับได้ว่าไม่ให้เกียรติกัน

**Style 2: Sex is Fire**
ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง และพร้อมที่จะเผาไหม้ทุกสัมผัสที่เข้าหากัน เซ็กซ์แบบนี้มีพลังราคะซ่อนอยู่อย่างมากมาย เป็นเซ็กซ์ที่เกิดขึ้นกับผู้ที่โหยหาเซ็กซ์แบบไม่หยุดหย่อน แสดงออกอย่างเต็มที่ และไม่มีทีท่าว่าเซ็กซ์เป็นเรื่องน่าอับอายแต่อย่างใด

สำหรับใครที่มีเซ็กซ์แบบนี้ รับรองได้ว่า ท่าที่หนัง AV ใช้ อุปกรณ์ประเภทไหนที่กระตุ้นอารมณ์คู่ของเขาได้ เขาจะใช้มันอย่างเต็มที่ ดุเดือด และเผ็ดร้อนแน่ๆ คนภายนอกอาจมองว่าผู้ที่มีเซ็กซ์แบบนี้จะเป็นพวกมักมาก แต่แท้ที่จริงแล้วหากไม่ไปลุ่มหลงผิดที่ผิดทาง และเสพสิ่งมึนเมาเข้าไปเร้าอารมณ์เพิ่มเติมก็ถือว่าเป็นสีสันของชีวิตคู่

ใครที่เจอคู่แบบนี้ คุณก็ต้องมีไฟแรงพอๆ กัน เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว เธออาจเบือนหน้าหนีคุณไปเป็นอื่น หรือหากคุณมีรสนิยมทางเพศแบบนี้ ก็คงต้องหาคนที่เข้าใจในตัวคุณ เพื่อให้เรื่องบนเตียง เป็นเรื่องที่ไม่ขัดใจกัน

**Style 3: Sex is Harm**
"บีบ กัด จับ ใส่" เซ็กซ์ประเภทนี้เป็นเซ็กซ์ของคนที่ชื่นชอบความรุนแรง อาจจะทั้งรู้ตัวและไม่รู้ตัว บางคู่ต้องเถียง หรือด่าทอกันอย่างรุนแรงก่อน หลังจากนั้นเรื่องราวก็จบลงบนเตียง (หรืออาจจะข้างเตียง) อย่างสงบ มีบ้างที่ถึงขั้นเลือดตกยางออก แต่ถ้าทั้งคู่เป็นคนที่ชอบเหมือนกัน ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่หากว่ามีอีกฝ่ายมองว่าเป็นเรื่องผิดปกติ คู่นี้ก็อาจจะไปกันไม่รอด คงต้องจับเข่าคุยกันว่า รสนิยมแบบนี้ บางครั้งก็รุนแรงเกินไป ต้องควบคุมตัวเองไว้บ้าง ไม่อย่างนั้นพลาดพลั้งไปอาจถึงขั้นเจ็บหนัก

เซ็กซ์แบบนี้เร้าอารมณ์ ดุเดือด และรุนแรง และหากคุณเป็นแบบนี้ รับรองใครที่เคยร่วมหลับนอนกับคุณ จะลืมไม่ลง

**Style 4: Sex is Fantasy**
ชุดพนักงานต้อนรับแบบมีแค่หูกระต่ายหนึ่งชิ้นกับบิกินี่เว้าสูง หรือจะเป็นชุดตัวการ์ตูนญี่ปุ่นสาวสุดเซ็กซี่แสนสั้น ก้มทีก็มองเห็นไปถึงไหนๆ คนที่มีความชื่นชอบในเรื่องเซ็กซ์แบบนี้จะถูกจัดให้อยู่ในเซ็กซ์ที่เป็นแฟนตาซี

สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือจะทำให้เซ็กซ์แบบนี้ไม่เกิดความน่าเบื่อหน่าย แต่จะกลายเป็นเซ็กซ์ที่มีสีสัน แปลกใหม่ เร้าอารมณ์ในแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

มีหลายๆ โรงแรมที่ตกแต่งบรรยากาศให้เข้ากับผู้ที่ชื่นชอบเซ็กซ์แบบนี้ เช่น ทำเตียงเป็นเวทีมวย ทำเตียงเป็นอ่างน้ำ ทำเตียงเป็นรถโดยสารก็มีเหมือนกัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นอารมณ์มากขึ้น และไม่เบื่อกับเซ็กซ์แบบเดิมๆ

แต่ต้องระวังไว้หน่อย เพราะความชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน หากเลือกที่จะมีเซ็กซ์แบบนี้ก็คงต้องคุยกันก่อน ไม่เช่นนั้น ฝ่ายหญิงอาจจะหาว่าคุณหมกหมุ่นกับเรื่องแบบนี้มากเกินไป

**Style 5: Sex is Care**
ความรักมาเป็นอันดับหนึ่ง แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ ความเอาใจใส่ ห่วงใย และดูแลซึ่งกันและกัน เช่นนั้นแล้ว เรื่องราวบนเตียงก็ไม่แพ้ชีวิตคู่ที่ดำเนินไป

เซ็กซ์ในรูปแบบนี้ เป็นเซ็กซ์ที่ละมุนละม่อมอย่างเป็นที่สุด ต้องห่วงหาอาทรว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร ต้องใส่ใจและเข้าใจคู่ของคุณเป็นอย่างมาก เซ็กซ์แบบนี้ผู้หญิงอาจจะชื่นชอบเพราะเธอมีความละเอียดลออเป็นคุณสมบัติส่วนตัวอยู่แล้ว แต่หนุ่มๆ อย่างเรา หากนานวันเข้าอาจจะเบือนหน้าหนีก็เป็นได้

การมีเซ็กซ์ในรูปแบบนี้จึงถือเป็นการสร้างความเอาใจใส่ ความห่วงใยให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่า ฉันไม่เคยละเลยสิ่งที่เธอต้องการ เพราะฉะนั้นเวลาที่ฉันต้องการแบบร้อนแรงบ้าง เธอควรจะยอม จริงไหมครับ?

**Style 6: Sex is Love** 
เซ็กซ์เพื่อความรัก มันคือรูปแบบเซ็กซ์ที่สุดแสนจะเริ่ดหรูและดูดี หลายคนหมายปองอยากมีเซ็กซ์แบบนี้ และฝันว่าสักวันหนึ่ง เซ็กซ์แบบนี้จะโบยบินมาหา

เซ็กซ์ในรูปแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพราะคู่ของคุณรูปร่างหน้าตาดี ฐานะดี หรือคารมดีเท่านั้น แต่เกิดจากเบื้องลึกภายในจิตใจของทั้งคู่ถูกปรับสัมพันธ์ให้เข้าหากันได้อย่างลงตัว เซ็กซ์ประเภทนี้จะไม่เกิดขึ้นกับคนที่ไม่ใช่คู่รักกันอย่างเด็ดขาด ประเภท One night stand จะไม่มีทางได้รับความรู้สึกของเซ็กซ์ประเภทนี้

การมีเซ็กซ์ในรูปแบบนี้จะทำให้อีกฝ่ายได้รับความอบอุ่น ห่วงหา และไม่รู้สึกเดียวดาย จนเรียกได้ว่าเป็นเซ็กซ์ที่ก่อให้เกิดขึ้นซึ่งพลังใจ และทำให้อีกฝ่ายอยากมีชีวิตอยู่เพื่อสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้แก่กัน

ข้อสำคัญของเซ็กซ์ประเภทนี้ก็คือ ไม่เพียงแต่บนเตียงเท่านั้นที่จะมีความสุข แค่เพียงอิงแอบ แนบชิด จูงมือ หรือสัมผัส ก็เพียงพอแล้ว แต่จะว่าไป บางทีเซ็กซ์แบบนี้อาจมีเพียงแค่ในนิทาน

ขอบคุณ: sanook
Read More >>
 

วิธีการนอนหลับ เพื่อคลายเครียด



"ความเครียด" เป็นอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นในตัวเองบ่อยๆ แต่ก็นั่นแหละ วิถีชีวิตของผู้คนสมัยนี้ มีเงื่อนไขหลายๆอย่างที่บางครั้งก็ทำให้ความเครียดแฝงเร้นเข้ามาในจิตใจโดยไม่รู้ตัว

การที่เอาจริงเอาจัง เอาเป็นเอาตายกับเรื่องบางเรื่อง (หรือหลายเรื่อง) กับคนบางคน กับเหตุการณ์บางเหตุการณ์ ไม่เห็นจะมีประโยชน์ตรงไหน ซึ่งหากเราได้ทำดีหรือพยายามจนถึงที่สุดแล้ว ก็ให้พอใจหรือทำใจยอมรับกับทุกสิ่งให้ได้ คนที่ยอมรับความจริงได้ จะไม่ค่อยเครียด

วิธีผ่อนคลายความเครียดมีมากมายหลายวิธี และหนึ่งในวิธีการนั้นที่ง่ายที่สุดและได้ผลดีที่อยากจะแนะนำ ก็คือการนอนหลับและการพักผ่อนครับ ถึงแม้บางคนจะบอกว่ามันเครียดเสียจนนอนไม่หลับ แต่อย่างไรก็ต้องพยายามหาวิธีที่จะช่วยให้ตัวเองหลับสนิทให้ได้ เช่น ออกกำลังกายให้มากขึ้น (ห้ามใช้ยานอนหลับ ยกเว้นกรณีแพทย์สั่ง)

ช่วงเวลาที่เราได้นอนหลับอย่างเพียงพอนั้น (ไม่ใช่นอนจนขี้เกียจ) เป็นช่วงที่ร่างกายจะสร้างภูมิต้านทานโรค ทำให้ตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น และพร้อมที่จะต่อสู้กับความเครียดใน วันรุ่งขึ้นได้ดียิ่งขึ้น ถ้าหากเครียดและพักผ่อนน้อยลง ความเครียดก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น ผลคือเราจะอดทนกับความเครียดได้น้อยลงเรื่อยๆ เป็นวงจรเลวร้ายที่จะต้องจบลงด้วยปัญหาสุขภาพ ไม่โรคใดก็โรคหนึ่งอย่างแน่นอน อย่างน้อยที่สุดหลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว หาเวลางีบสัก ๑๐ นาที ๑๕ นาที ก็จะช่วยเพิ่มพลังวังชาให้กับร่างกายและ สมองได้พอสมควรทีเดียว แต่อย่าหลับเพลินจนเลยเวลาทำงาน เดี๋ยวจะโดนเจ้านายค้อนเอาได้

นอกจากการนอนหลับแล้ว การได้มีเวลาพักผ่อนบ้างในวันหยุด ก็ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้มาก ร่างกายของคนเราไม่ใช่เครื่องจักรเครื่องยนต์ เพราะแม้เครื่องจักรเองก็ยังต้องมีการหยุดพักเครื่อง และเปลี่ยนซ่อมอะไหล่บางส่วน แต่ร่างกายมนุษย์ไม่มีอะไหล่ที่จะมาเปลี่ยนง่ายๆ เหมือนเครื่องจักร เพราะ ฉะนั้นก็ทะนุถนอมร่างกายของเราให้อยู่ในสภาพดีที่สุดจนถึงวันแก่เฒ่าจะดีกว่าค่ะ

ลองเลือกดูนะครับ ว่าคุณถนัดที่จะพักใจวิธีไหน ในวิธีเหล่านี้ 
เป็นต้นว่าพักผ่อนกับครอบครัวด้วยการไปเที่ยวชายทะเล หรือท่องเที่ยวไปในสถานที่แปลกตา ฟังเพลง ฝึกร้องเพลง เล่นดนตรี อ่านหนังสือที่ชอบอยู่กับบ้าน ทำสวนครัว สะสมแสตมป์ เย็บปักถักร้อย นั่งสมาธิ ไปทำบุญ ทำงานช่วยเหลืองานกุศลต่างๆ การเล่นกีฬา ออกกำลังกาย ทำอาหารที่มีประโยชน์ กิน ปลูกต้นไม้ ดอกไม้ หรืออะไรก็ได้ที่ทำแล้วรู้สึกสบายใจ (ไม่เป็นภัยต่อคนอื่น) เมื่อได้ทำบ่อยๆ ร่างกายและจิตใจก็จะเข้มแข็ง มีพลังที่พร้อมที่จะต่อสู้กับปัญหาต่างๆ ได้ทุกรูปแบบ

อย่าลืมว่าการสะสมความเครียด ไว้ในจิตใจเป็นภัยต่อสุขภาพอย่างยิ่ง

ขอบคุณ: sanook
Read More >>
 

ดื่มอย่างไร ไม่ให้อ้วน



เรื่องราวที่ได้ยินกันคุ้นหูว่า ฉันอยากจะลดพุง ไม่อยากจะอ้วน แต่ยังอยากดื่มอยากสังสรรค์อยู่ และแล้วการดื่มก็ยังคงมีอยู่ต่อไป และพุงหลามรูปงามก็ค่อย ๆ ก่อร่างสร้างตัวขึ้น

บทความนี้คงไม่ได้มาพูดถึงเรื่องวิธีเลือกดื่มชนิดของแอลกอฮอล์ที่ไม่ทำให้อ้วน แต่เรากำลังจะมาบอกเคล็ดลับสำหรับหนุ่มสาวที่ยังรักการเฮฮาสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ว่าเราจะมีวิธีการที่ยังรักษาหุ่นสวยบาดใจหนุ่ม หรือหนุ่มที่ยังคงรอบเอวได้สวยงามเย้าใจสาว ทั้ง ๆ ที่ยังไม่เลิกดื่มได้ยังไง

ปัญหาแบบนี้บางท่านก็บอกว่าเป็นเรื่องง่าย ก็เพียงแต่ไม่ต้องดื่มก็สิ้นเรื่อง ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับท่านที่ทำได้เช่นนั้น แต่ทว่าส่วนใหญ่กิเลสก็ยังคงหนาและขูดออกได้ยาก รู้ทั้งรู้ก็ยังทำ เราก็หาวิธีเลี่ยงกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แต่การรักษาสุขภาพ ทำให้รูปร่างดี เป็นเรื่องของการมีวินัยในการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมอาหารได้อย่างดีเยี่ยม เช่นการที่ไม่ปล่อยให้ตัวเองเอนจอยกับของทอด(ที่อุดมไปด้วยน้ำมัน) ไม่กินอาหารที่มีส่วนผสมของไขมันไม่ดีพวก Trans Fat หรือกินแป้งขาว แบบขนมปังขาว ซาลาเปา ขนมกรุบกรอบ ของพวกนี้เป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตที่ทำให้เราอ้วนได้เร็วและทำร้ายสุขภาพเราได้มาก

การเคร่งครัดกับการดูแลสุขภาพไม่ใช่การห้ามไปเสียทุกอย่าง ไม่ใช่การบังคับตัวเองอย่างสุดโต่งสุดขั้ว แต่เป็นการสร้างสมดุลที่ดีในการดูแลร่างกาย กินบ้างในบางสิ่งที่คุณอยากกิน แต่ก็ต้องเผาผลาญเพิ่มเติมหรืองดบางอย่างที่ชดเชยแทนกัน ทำแบบนี้คุณจะมีสุขภาพดีแบบมีความสุข ไม่ใช่สุขภาพดีแบบชีวิตคร่ำเคร่ง

แต่ถ้าเรามีวินัยได้ขนาดนี้การดื่มแอลกอฮอล์แบบสนุกและฉลาด แถมไม่ทำให้อ้วน คุณสามารถทำได้ เพราะการดื่มเพื่อสังสรรค์ก็มีโอกาสอยู่สม่ำเสมอ ถ้าได้ลองอ่านเรื่องที่เรากำลังจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้

ข้อที่ 1 เรารู้อยู่เต็มอกว่าแอลกอฮอล์ให้แคลอรี่ได้สูงมาก ถึง 7 กิโลแคลอรี่ต่อกรัมเมื่อเทียบกับแป้งที่ให้แค่ 4 กิโลแคลอรี่หรือไขมันที่สูงถึง 9 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม สิ่งแรกที่ต้องเตรียมตัวเมื่อรู้ว่าคืนนี้เราจะต้องออกไปดื่ม เราต้องวางแผนการกินมื้อเย็นด้วยเติมโปรตีนคือกลุ่มเนื้อสัตว์และผักที่อุดมด้วยสารอาหารเข้าไปมาก ๆ (สูตรนี้เหมือนกับพวกนักดื่มทั้งหลายที่บอกว่าอย่าท้องว่าง ต้องกินกับข้าวเข้าไปรองท้องก่อน ไม่งั้นเมาง่าย)

ข้อที่ควรระวังมากที่สุดคือต้องไม่กินอะไรที่เป็นกลุ่มแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตเลย เพราะสูตรอันตรายสุด ๆ คือ แอลกอฮอล์บวกกับแป้ง เท่ากับ พุงน้อย ๆ ที่เพิ่มขึ้นมา

ข้อที่ 2 หากไม่อยากให้หน้าท้องที่แบนราบที่รักษาไว้ดีมาตลอดจากการบริหารร่างกาย กลายเป็นสาวหรือหนุ่มโชว์พุง อย่าได้เลือกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของน้ำหวาน น้ำเชื่อม หรือน้ำผลไม้ เพราะเป็นเรื่องที่เพิ่มแคลอรี่เข้าไปทวีคูณเมื่อน้ำตาลเจอกับแอลกอฮอล์ อย่างเช่นเครื่องดื่มยอดฮิตตัวหนึ่งคือ มาการิต้า ที่มีรสหวาน เปรี้ยวและมีเกลืออยู่รอบขอบแก้ว สามารถให้แคลอรี่คุณได้ถึง 500-600 กิโลแคลอรี่ต่อแก้ว (ก็เท่ากินข้าวมันไก่พร้อมหนังหนึ่งจาน)

ทางเลือกที่ดีสำหรับคนรักษาสุขภาพ คือการเลือกเหล้าที่มีส่วนผสมกับโซดาและผสมกับกลุ่มมะนาว เช่นวอดก้าโซดามะนาว น่าเป็นสูตรที่ดี


ข้อที่ 3 สำหรับคอเบียร์ที่เรารู้อยู่ว่าเป็นกลุ่มที่มีโอกาสได้พุงเพิ่มสูงมาก ถึงกับมีคำภาษาอังกฤษสำหรับคำเรียกพุงย้อย ๆ ว่า beer belly ทางเลือกผู้เชี่ยวชาญการดื่มแบบไร้พุงแนะนำให้ดื่มเบียร์ดำเพียง 1-2 แก้วดีกว่าเลือกที่จะดื่มไลท์เบียร์ 5-6 แก้ว (ที่คิดว่ามีแคลอรี่ต่ำกว่าเบียร์ปกติ) ข้อดีของเบียร์ดำ ทำให้เราได้วิตามินบี (ที่ดีต่อระบบประสาท) กับสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่าไลท์เบียร์ ถ้าดื่มแค่เบียร์ดำหนึ่งหรือสองแก้ว ก็ได้แคลอรี่เพียง 150 -400 เท่านั้น

ข้อที่ 4 เตรียมตัวก่อนไปปาร์ตี้นอกจากเตรียมชุดสุดเท่แล้ว ต้องออกกำลังกายอย่างเข้มข้นมากกว่าปกติในช่วงเย็นเพื่อทำให้ร่างกายเพิ่มการเผาผลาญมากกว่าที่เคยเพื่อรองรับปริมาณแคลอรี่ที่เพิ่มมากกว่าเคยในงานเลี้ยงกลางคืน

และถ้าทำได้ วันรุ่งขึ้นลากตัวเองกลับมาออกกำลังตามปกติ แม้จะรู้สึกล้ากว่าเคย ก็ควรทำ แต่ไม่ได้เน้นที่ทำให้ร่างกายฟิต แต่เพื่อให้ร่างกายได้ขยับออกเหงื่อ กระตุ้นการทำงานการเผาผลาญ

ข้อที่ 5 หลีกเลี่ยงข้าวต้มมื้อดึก เรื่องนี้เป็นสาเหตุใหญ่อีกหนึ่งประการที่เพิ่มพุงได้ดีมากสำหรับผู้ที่ชอบท่องราตรี การกินมื้อดึกก็ว่าแย่แล้ว และยิ่งกินต่อจากการเติมแอลกอฮอล์เข้าไปทำให้ร่างกายได้แคลอรี่เกินความจำเป็น

ทางเลี่ยงคือไม่ไปต่อ กลับบ้านทันที ถ้าเป็นพวกท้องร้องแล้วนอนหลับไม่ได้ ให้เลือกกินเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ทางเลือกที่ดีมากคือปลาทูน่ากระป๋อง หรือกินผักสดทดแทน ซึ่งไม่ใช่พิซซ่า ขนมปังขาวทาแยมหรือไอศกรีมเย็น ๆ หรืออะไรที่อุดมไปด้วยแป้ง

ข้อที่ 6 สังคมจัดอย่าดื่มเกิน 2 วันต่ออาทิตย์ เพราะถ้าเกินกว่านั้นการที่จะรักษาสภาพหุ่นสวยหุ่นดี มักจะเอาไม่อยู่ แต่ถ้าคุณเป็นพวกเด็กดี ไม่ค่อยได้ออกไปดื่มกับเพื่อน การดื่มวันละ 1-2 แก้วในมื้ออาหารก็ไม่ทำให้จำนวนแคลอรี่เกินกว่าควบคุมได้

ข้อที่ 7 ดื่มไวน์ เป็นทางเลือกที่ดีกว่า เราทราบถึงข้อดีของไวน์ที่มีเอกสารมากมายมาบอกเล่าถึงสรรพคุณของเหล้าองุ่นชนิดนี้ ข้อดีของมันมีมากกว่าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น และทำร้ายสุขภาพเราน้อยกว่าประเภทอื่น ๆ เช่นกัน

การดื่มสำหรับหลายคนไม่ใช่เรื่องยากที่จะไม่ติดมัน แต่สังคมปัจจุบัน เราอาจหลีกเลี่ยงได้ยาก เรามีทางเลือกที่จะไม่ดื่มก็ได้ แต่บางคนที่อยากจะสนุกกับการดื่ม การเลือกดื่มเพื่อคงสภาพร่างกายที่ดี หุ่นดี หุ่นสวย ไปพร้อมกับสังคมรอบข้างที่สนุกสนาน ก็เป็นการดำรงชีวิตที่สมดุลไม่เคร่งครัดเกินไป

ขอบคุณ: sanook
Read More >>
 

เกิดวันนี้ เหมาะกับงานแบบไหน ?



คุณเชื่อหรือไม่ ว่าวันเกิดจะส่งผลต่อการประกอบอาชีพ แต่มันก็ไม่เสมอไปนะ บางครั้งมันก็ขึ้นอยู่กับความถนัดของแต่ละคนด้วยเหมือนกัน

คนเกิดวันอาทิตย์ 
ธาตุไฟ ไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะประกอบอาชีพเกี่ยวกับน้ำ แต่ถ้าเป็นน้ำมัน แอลกอฮอล์ก็ทำได้ ส่วนอาชีพที่เหมาะคือ นักธุรกิจ ข้าราชการ ร้านเบเกอรี่ ร้านขายอุปกรณ์ทำเบเกอรี่ ร้านอาหาร งานศิลปะ ร้านถ่ายรูป ทัวร์ และไกด์

คนเกิดวันจันทร์ 
ธาตุดิน อาชีพที่เหมาะจะทำแล้วรวย ต้องเกี่ยวข้องกับน้ำ หรือสถานที่ใกล้น้ำ จะรุ่งเรืองมาก เช่น ร้านกาแฟ ร้านอาหาร ธุรกิจเสริมสวย สปา นักแสดง นักออกแบบ ศิลปิน งานที่เกี่ยวกับศิลปะ ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่น ร้านขายอัญมณี

คนเกิดวันอังคาร 
ธาตุลม อาชีพที่ทำแล้วรวย คือ ทหาร ตำรวจ ผู้รับเหมาก่อสร้าง ร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้าง โรงงานทำเหล็ก โรงน้ำแข็ง ร้านเฟอร์นิเจอร์ ร้านอลูมิเนียม ร้านจำหน่ายรูปปั้น โรงงานหล่อรูปปั้น ร้านขายอาหารสัตว์

คนเกิดวันพุธ 
ธาตุน้ำ อาชีพที่สร้างฐานะและความร่ำรวย เหมาะค้าขายทุกชนิด เช่น ร้านขายข้าวสาร น้ำ ร้านอาหาร ร้านขายของชำ ขายเสื้อผ้าแฟชั่น รองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ร้านเพชร ร้านทอง ร้านขายผลไม้และดอกไม้ และร้านจำหน่ายองค์เทพ

คนเกิดวันพุธกลางคืน 
ธาตุลม ตั้งแต่เวลา 18.00-06.00 น. นับว่าเกิดในวันราหู มีบุคลิกลักษณะเป็นคนคิดบวก ชอบความสนุกสนาน มนุษยสัมพันธ์ดี เหมาะกับการเปิดผับ เปิดบาร์ ขายล็อตเตอรี่ ร้านอาหาร จำหน่ายพันธุ์สัตว์ เปิดอู่ซ่อมรถยนต์ ปั๊มน้ำมัน ปั๊มแก๊ส ร้านขายแก๊ส

คนเกิดวันพฤหัสบดี 
ธาตุดิน ทำแล้วรุ่งเรือง ร่ำรวย เหมาะที่จะเป็นครู อาจารย์ เปิดร้านขายอุปกรณ์การศึกษา ร้านขายเสื้อผ้าเด็ก ร้านกาแฟ ร้านขนม ร้านอาหารเพื่่อสุขภาพ ร้านขายนมเด็ก โรงเรียนสอนดนตรี ร้านขายอุปกรณ์กีฬา ร้านขายสังฆทานและพระพุทธรูป รวมไปถึงร้านขายดอกไม้

คนเกิดวันศุกร์ 
ธาตุน้ำ เป็นคนรักสวยรักงาม เหมาะมากกับธุรกิจความสวยความงาม ขายเครื่องสำอาง ร้านขายอุปกรณ์เสริมสวย ร้านสปา ร้านกิฟต์ช็อป ร้านอัญมณี ร้านขายดอกไม้สดและแห้ง ร้านขายเครื่องแก้ว

คนเกิดวันเสาร์ 
ธาตุไฟ อาชีพที่เหมาะ ทำแล้วรวย คือ เปิดร้านขายวัสดุก่อสร้าง รับเหมาก่อสร้าง ขายอุปกรณ์การเกษตร ร้านขายผลไม้ ขายข้าวสาร ร้านอาหาร ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ช่างไฟฟ้า ร้านอลูมิเนียม ร้านถ่ายรูป เปิดอู่ซ่อมรถยนต์ เตนท์รถมือสอง และร้านขายโทรศัพท์

ขอบคุณ: sanook
Read More >>
 

กลิ่นตัว ปัญหาเล็ก ที่ไม่น้อย



ปัญหาเล็กๆ ที่หลายๆ ท่านไม่ให้ความสนใจอย่างกลิ่นตัวซึ่งถ้ามีเล็กน้อยจางๆ ก็พอเป็นเสน่ห์ดึงดูดสาวได้ แต่หากถึงขั้นต้องเบือนหน้าหนีตอนอยู่ในลิฟท์ล่ะก็ต้องมาหาทางทำอะไรสักอย่างกับมันโดยปกติคนที่มีกลิ่นตัวแรงหรือเหม็นจะไม่รู้ตัวเพราะคุ้นเคยกับกลิ่นของตัวเองกว่าจะรู้ตัวก็มักสายเสียแล้ว (คนรอบข้างไม่อยากเข้าใกล้) วันนี้จึงขอนำเสนอวิธีการกำจัดกลิ่นตัวที่ได้ผลให้ท่านผู้อ่านได้เสริมบุคลิกภาพกันครับ

ก่อนอื่นเรามารู้กันก่อนว่ากลิ่นตัวมันมาจากไหน ตามปกติร่างกายของคนเราจะมีต่อมเหงื่ออยู่ 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นต่อมเหงื่อที่มีอยู่ตามผิวหนังทั่วตัว อีกชนิดเป็นต่อมเหงื่อที่มีอยู่เฉพาะบางแห่งของร่างกาย เช่น รักแร้ ข้อพับ กลิ่นเท้า กลิ่นบนหนังศีรษะ เหงื่อที่ถูกขับออกมาจากต่อมเหงื่อชนิดนี้เมื่อหมักหมมไว้จะถูกย่อยโดยแบคทีเรีย และทำให้เกิดกลิ่นตัวขึ้น วิธีกำจัดกลิ่นตัวมีหลายวิธีครับแต่ส่วนมากนิยมใช้น้ำหอมกลบกลิ่นไปเลย ซึ่งหากทำเช่นนั้นยามที่เราเหงื่อออกกลิ่นตัวจะผสมกับกลิ่นของน้ำหอมปนเปกันจนทำให้ยิ่งฉุนหนักไปกันใหญ่

บางท่านหันไปใช้โรลออนประเภท "Antiperspirants" หรือโรลออนลดการขับเหงื่อ ซึ่งระงับกลิ่นกายด้วยการใช้สารที่ไปปิดกั้นรูขุมขนทำให้ไม่มีเหงื่อออก ไม่เกิดกลิ่นตัวจริงครับ แต่ผลเสียน่ากลัวกว่าเพราะมันดันเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดซีสต์ เนื้องอกและมะเร็งเต้านม

หลังจากค้นหามาหลายวิธีเพื่อระงับกลิ่นตัว ก็เหมือนเส้นผมบังภูเขาเพราะวิธีที่ได้ผลคือการใช้สมุนไพรใกล้ตัวนี่เองเริ่มจาก ใบพลู ซึ่งมีสรรพคุณในการฆ่าเชื้อและยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย ใบฝรั่ง นอกจากจะช่วยระงับกลิ่นปากได้แล้ว ยังช่วยระงับกลิ่นตัวได้เช่นกัน มะนาว ใช้มะนาวผ่าซีกทาบริเวณรักแร้ขณะอาบน้ำ แล้วล้างออก มะขามเปียก คั้นน้ำมะขามเปียกปริมาณพอเหมาะ จากนั้นกรองด้วยผ้าขาวบาง ใช้ถูตัวขณะอาบน้ำ จะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วไม่ให้เกิดการหมักหมม

หากทำตามที่แนะนำไปแล้วยังไม่ดีขึ้น แนะนำว่าไปลองปรึกษาหมอโรคผิวหนังเพื่อความมั่นใจดีที่สุดครับ

ขอบคุณ: sanook
Read More >>
 

ทรงผมอินดี้สุดเทรนด์


หากใครเบื่อตัดทรงผมแบบเิดิมๆ ท่านมาถูกที่แล้วล่ะครับ เพราะทรงผมเหล่านี้ เรียกได้ว่า อินดี้ และ แนวสุดๆ หากไม่กล้าตัดแบบนี้ ก็ไปประยุกต์ให้เข้ากับสไตล์ของตัวเองก็ได้ครับ เพื่อจะได้มีทรงผมใหม่ๆ ให้กับตัวเองบ้าง ชีวิตจะได้ไม่จำเจ









ขอบคุณ: sanook
Read More >>
 

ดูแลผิว หน้าหนาว ให้ขาวใส



บ้านเรา ลมหนาวมา พาชื่นใจ แต่อากาศแห้งก็ทำร้ายผิวได้มาก ผิวใสจะกลายเป็นผิวขุย ต้องป้องกันหมดฝน เริ่มต้นฤดูกาลสดใสของบ้านเรา ทั้งท่องเที่ยวธุรกิจการค้า ต่างคึกคักดูดเงินจากกระเป๋าของเรา สภาพเศรษฐกิจแบบนี้ต้องยับยั้งชั่งใจให้มาก แต่ผิวใสก็ต้องไม่ถอยหนี เพียงแต่เลือกซื้อเลือกใช้ให้เหมาะกับเงินในกระเป๋า

อากาศที่แห้ง ทำให้ความชุ่มชื้นของผิวลดลง วิธีการปฏิบัติตนให้ผิวใสรับหน้าหนาว

1.ดื่มน้ำให้เพียงพอ
อากาศเย็น หลายคนลดการดื่มน้ำลง ไม่อยากเข้าห้องน้ำบ่อยๆ แต่อย่าลืมว่าน้ำคือส่วนประกอบสำคัญ 70% ของร่างกายเรา ดื่มให้พอเหมาะ ร่างกายจะปรับตัวเอง ดูว่าตัวเองดื่มน้ำเพียงพอไหม ให้ดูจากสีปัสสาวะ ถ้าเข้มเหลืองเกินไป แปลว่า ร่างกายคุณต้องการน้ำ เซลล์ที่ไม่ขาดน้ำก็ทำให้ผิวเราไม่แห้งไม่ตึงโดยธรรมชาติ

2. ฉลาดเลือกครีมบำรุง
ครีมทาผิว ครีมทาหน้า ราคาถูกมากๆ หรือราคาปานกลางมักจะมีส่วนผสมของน้ำมันปิโตรเลียมที่เรารู้จักกันดีว่า Mineral Oil น้ำมันแร่ หน้าที่ของมันคืออุดปิดผิวเราเคลือบด้วยน้ำมัน แต่ไม่ได้ทำให้ผิวเราชุ่มชื้นขี้นมาเลย คุณทาแล้วอาจต้องทาซ้ำ โดยรวมอาจเปลืองกว่าครีมที่ราคาสูงกว่า ควรเลือกครีมบำรุงที่ระบุส่วนผสมสำคัญ เช่น Humectant กรดไฮยารูโลนิค ซึ่งเป็นสารสำคัญในการสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิว โดยดึงเอาความชื้นจากอากาศ (ที่มีอยู่น้อยในหน้าหนาว) มาสู่ผิวเรา

3. หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่น
หน้าหนาวแบบนี้ เครื่องทำน้ำอุ่นมีโปรโมชั่นล่อใจมากมาย ลองถามคนที่เคยใช้แล้วสิ จากนั้นก็จะหายอยาก การอาบน้ำอุ่นให้ความสบายในขณะอาบ แต่ทำลายความชุ่มชื้นของผิวมหาศาล หน้าหนาวอากาศแห้งอยู่แล้ว อาบน้ำอุ่นซ้ำเข้าไปอีกคงได้แห้งกันแบบตกสะเก็ดแน่
เครื่องทำน้ำอุ่น ต้องเดินสายดินให้ปลอดภัย ส่วนเครื่องทำน้ำร้อนก็เป็นตัวกินไฟอย่างร้ายกาจ เอาเงินที่จ่ายไปซื้อครีมบำรุงดี ๆ หรือวิตามินเสริมดูจะคุ้มค่ากว่านะ

4.อย่าขัดผิวบ่อย 
หลายคนรู้สึกว่าเนื้อตัวไม่สะอาดเพราะไม่ได้ขัดสีฉวีวรรณ ก็เหมาะในยามที่เนื้อตัวเหนอะหนะ แต่หน้าหนาว อากาศแห้งลง ต้องลดการขัดผิวลง จากเดิมอาทิตย์ละ 2-3 ครั้ง เหลือแค่หนึ่งก็ไม่ทำร้ายผิวจนเกินไป ส่วนผู้ที่ไม่รู้จักว่าขัดผิวเป็นอย่างไร ก็ลองปรนนิบัติตัวดูบ้าง

5. เลือกทานอาหารให้พลังงาน 
ทำไมคนเมืองหนาวมักมีขนาดมื้ออาหารใหญ่กว่าคนเมืองร้อน ก็เพราะต้องการพลังงานมาก อาหารบางประเทศก็อุดมด้วยเครื่องเทศ พริก ก็เพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับร่างกาย หน้าหนาวบ้านเราก็มีอาหารไทยแบบเผ็ดร้อนเหมาะกับฤดูกาล เช่น อาหารหนักเครื่องเทศ ต้มยำกุ้ง ที่มีทั้งตะไคร้ ใบมะกรูด และพริกขี้หนู

6. ครีมกันแดดจำเป็นที่สุด
เลิกคิดว่าครีมกันแดดมีหน้าที่แค่กันไม่ให้หน้าดำ แต่หน้าที่หลักของมันคือ ปกป้องตัวทำให้ผิวเราเหี่ยวย่นก็คือ UVA เป็นตัวอนุมูลอิสระเร่งให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่นและสร้างริ้วรอยได้อย่างรวดเร็ว หน้าหนาว ท้องฟ้าโปร่ง แดดแรงกว่าปกติ พลาดลืมกันแดด หน้าใส ๆ ที่เคยภูมิใจอาจกลายเป็นเปาบุ้นจิ้นได้ในพริบตา

7. เลือกเสริมวิตามิน
สำหรับคนที่พิถีพิถันกับผิวมากขึ้นไปอีก ความสวยใสจากภายในก็สามารถเลือกเสริมได้ อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินสำหรับผิว เช่น วิตามินอี  แต่ถ้าอยากจะเสริมก็สามารถเพิ่มได้ วิตามินอี 200-400 IU ต่อวันหรือถ้าจะให้เกิดประโยชน์ได้หลายขนาน โอเมก้า 3 ก็เป็นตัวครอบจักรวาลเพราะผิวก็ใส หลอดเลือดก็สะอาด สมองก็แจ่มใส ผิวจะชุ่มชื้นขึ้นมาทันที
แต่สำหรับอีฟนิ่ง พริมโรส ไม่แนะนำให้กินอีกแล้วเพราะมีผลงานวิจัยหลัง ๆ มา บอกถึงผลเสียมากกว่าผลดี ทั้งนี้เพราะเรากินอาหารที่อุดมด้วยไขมันพืช สูงกว่าสมัยก่อน โอเมก้า 6 ในพริมโรส ราได้เพียงพอไม่ขาดแล้ว

8. ครีมบำรุงก่อนนอนต้องมี 
หน้าหนาวอากาศดี อาจจะไม่ได้เปิดแอร์นอน แต่จะเปิดหรือไม่เปิดก็ตาม อย่าปล่อยให้ผิวถูกทำลายความชุ่มชื้นในเวลาพักผ่อน เลือกครีมบำรุงที่ดีเหมาะกับผิว ที่เข้มข้นพอเหมาะ ดูง่ายๆว่าเหมาะหรือไม่ ตื่นนอนส่องดูหน้า ถ้าหน้ามันก็อาจจะใช้ครีมหนักไป หรือเข้มข้นเกินไป แต่ถ้าตื่นมาหน้าแห้ง ก็แสดงว่าความชุ่มชื้นที่ได้จากครีมไม่พอ ต้องเติม

ลองนำไปปฏิบัติตัวรับหน้าหนาว เป็นฤดูกาลที่ทุกคนเบิกบาน ถ้าปล่อยใบหน้าเป็นขุย ลอก แล้วจะไปโชว์ใครที่ไหนได้ คนใกล้ตัวเขาจะหนี คนห่างตัวก็ไม่มอง แล้วจะโทษใครดี

ขอบคุณ: sanook
Read More >>
 

หนุ่มๆฟังทางนี้ กินอะไรหากต้องนอนดึก?



เชื่อว่าผู้ชายหลายคนแถวนี้ ไม่เข้านอนก่อน 4 ทุ่มเป็นแน่ ก็แหม ยิ่งดึกมันยิ่งคึก มีอะไรให้ทำตั้งเยอะแยะ ไหนจะแชท ไหนจะเล่นเกม ไหนจะดูบอลดูหนัง สารพัดกิจกรรมให้รอให้หนุ่มๆทำในยามวิกาล แต่การนอนดึกนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำสักเท่าไหร่ แต่จะเลิกนอนดึกมานอนเร็วมันก็เลิกยากพอๆกับเลิกบุหรี่ ยิ่งนอนดึกก็ยิ่งหิว เราควรทานอะไรให้เหมาะกับช่วงเวลาดึกๆเพื่อที่กระเพาะเราจะได้ไม่ทำงานหนักบ้างล่ะ?

เมื่อหิวในเวลาดึกๆ เวลาต้องทำงานหรืออ่านหนังสือหามรุ่งหามค่ำ คนส่วนใหญ่มักจะจัดเต็ม หิวอะไรก็ใส่เต็มที่ บางคนถึงขั้นจัดข้าวราดแกงหรือไม่ก็พิซซ่า ณ เวลาเที่ยงคืนเศษ ซึ่งน่ากลัวมาก กระเพาะเราจะทำงานหนักสุดๆ เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่กระเพาะจะทำงานหนักนัก ควรงดเนื้อสัตว์และอาหารที่ไขมันเยอะ งดอาหารที่มีรสจัด ไม่ว่าจะเผ็ดจัด เค็มจัด หรือหวานจัด เพราะรสชาติที่จัดๆนั้นยิ่งทำให้ไตทำงานหนักมากขึ้น เปลี่ยนมาเป็นของเบาๆเพื่อบรรเทาความหิวแค่นั้นเป็นพอ พักเรื่องความสะใจลิ้นไว้ก่อน เช่น นม 1 กล่องกับขนมปัง หรือ ผลไม้ หรือซุปสำเร็จรูปก็เพียงพอที่จะทำให้ท้องเราไม่หิวแล้ว



และเมื่อนอนดึกประจำ ร่างกายก็จะเหนื่อยล้า สมองไม่กระปี้กระเปร่า การดื่มน้ำเปล่าสะอาดนี่แหละ ดีที่สุด เพราะการนอนดึกนั้นทำให้ร่างกายเสียความชุ่มชื้นของผิวหนังและทำให้รู้สึกไม่กระปรี้กระเปร่า การจิบน้ำเปล่าเป็นระยะจะช่วยเติมความชุ่มชื้นแก่ร่างกายตลอด ไม่ควรดื่มกาแฟเพราะจะยิ่งทำให้ร่างกายตื่นตัว แม้ยามจะนอนก็นอนไม่ได้ เพราะฤทธิ์กาแฟค้าง!

เมื่อตื่นควรกินมื้อเช้าให้ครบ 5 หมู่ เพิ่อเป็นการเติมพลังงานให้ร่างกาย แถมด้วยน้ำผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินซี เพราะวิตามินซีจะช่วยทำให้หลอดเลือดขยายตัว กระตุ้นปลายประสาท และทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้น หรือจะเป็นวิตามินเสริมแบบเม็ดก็ได้เช่นกัน

แต่อย่างไรก็ตาม การพักผ่อนให้เพียงพอก็ยังเป็นสิ่งที่ต้องทำอยู่ดี เพราะการนอนหลับเพียงพอถือเป็นสิ่งที่ร่างกายต้องการและเป็นกลไกของร่างกายในการซ่อมแซมและฟื้นฟูตัวเองระหว่างนอนหลับ ทำให้มีสุขภาพดี หากอดหลับอดนอนบ่อยๆครั้ง ร่างกายจะเสื่อมถอยและทรุดโทรมลงอย่างเห็นได้ชัด ร่างกายจะตื่นตัวช้าลงและผิวพรรณหน้าตาหมองคล้ำ

ขอบคุณ: www.mthai.com

Read More >>
 

;